ศาลรธน.วินิจฉัย  29 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รอดถูกร้องถือหุ้นสื่อ

สืบเนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในสำนวนคำร้องที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.จำนวน 32 คนของฝ่ายรัฐบาล และอีก 32 คนของฝ่ายค้าน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ว่าด้วยห้ามผู้สมัคร ส.ส.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่ แยกเป็นกลุ่มส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน จำนวนฝั่งละ 32 คน

สืบเนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญ  ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในสำนวนคำร้องที่นายชวน หลีกภัย  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.จำนวน 32 คนของฝ่ายรัฐบาล และอีก 32 คนของฝ่ายค้าน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)  ว่าด้วยห้ามผู้สมัคร ส.ส.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่  แยกเป็นกลุ่มส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน จำนวนฝั่งละ 32  คน 

โดยในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล  ประกอบด้วย  พรรคพลังประชารัฐ 21 คน คือ ได้แก่ 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 2.นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ 3.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร 4.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ 5.นางกุลวลี นพอมรบดี 6.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 7.นายฐานิสร์ เทียนทอง 8.นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ 9.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง 10.นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ 11.นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา 12.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ 13.นายภิญโญ นิโรจน์ 14.นายวีระกร คำประกอบ 15.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 16.นายสมเกียรติ วอนเพียร 17.นายสัมพันธ์ มะซูโซ๊ะ 18.นายสิระ เจนจาคะ 19.นายสุชาติ ชมกลิ่น 20.นายอนุชา น้อยวงศ์ 21. น.ส.ภาดา วรกานนท์ 

 

พรรคประชาธิปัตย์ 8 คน ได้แก่ 1.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร 2.อัศวิน วิภูศิริ 3.นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ 4.นายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ 5.น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ 6.นายสมชาติ ประดิษฐพร 7.นายสาคร เกี่ยวข้อง 8.นายสาธิต ปิตุเตชะ 

 

พรรคชาติพัฒนา 1 ราย ได้แก่ เทวัญ ลิปตพัลลภ, พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้แก่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล, และพรรค พรรคประชาภิวัฒน์ ได้แก่ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

ศาลรธน.วินิจฉัย  29 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รอดถูกร้องถือหุ้นสื่อ

ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย  สถานะ  29 ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล   ไม่สิ้นลงตามคำร้อง  เนื่องจากบริษัทที่ถูกระบุตามคำร้อง  ไม่เข้าข่ายประกอบกิจการสื่อฯ  


ขณะที่อีก 3 ส.ส.  ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี  เนื่องจากได้ผู้ถูกร้องได้พ้นสมาชิกภาพส.ส.ไปก่อนหน้า   ประกอบด้วย  1.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ สิ้นสุดลง ด้วยศาลจังหวัดพัทยา ได้อ่านคำพิพากษา ศาลฎีกาให้ลงโทษ พ.ต.ท.ไวพจน์ จำคุก 4 ปี ปรับ 200 บาท โดยไม่รอลงอาญา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ พ.ต.ท.ไวพจน์ สิ้นสุดลง ตามมาตรา 101 (13) ของรัฐธรรมนูญ   และ อีก 2 ราย คือ  ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ลาออกจากเป็น ส.ส. พรรครวมพลังประชาชาติไทย และ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ 

 


"โดยศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามคำร้อง เอกสาร หลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หนังสือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เช่น หนังสือบริคณห์สนธิ หนังสือแสดงรายการประกอบธุรกิจ (สสช.1) แบบนำส่งงบการเงิน (สบช.3) แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด (ภงด.50 หรือ ภงด.51) รวมถึงการหลักฐานการขออนุญาตประกอบกิจการ ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ พ.ศ. 2550 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการวิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 พ.ร.บ.การจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 รวมถึงข้อมูลจากสำนักงาน กทสช. และกระทรวงวัฒนธรรม

 

ศาลวินิจฉัยว่า พยานหลักฐาน และเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าดังกล่าว ไม่พบว่าบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดของผู้ถูกร้องทั้ง 29 ราย ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ดังนั้น สมาชิกภาพของ ส.ส. ทั้ง 29 ราย จึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

 

ทั้งนี้ในส่วนของ น.ส.ภาดา วรกานนท์ ส.ส.กทม. เขต 6 ผู้ถูกร้องที่ 20 ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า เป็นผู้ถือครองหุ้นบริษัท ทาโร่ทาเลนท์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการการบริการ การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อ และจัดฝึกอบรมนั้น

 

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบงบการเงินเมื่อปี 2560-2561 จนถึงวันที่ 18 มิ.ย. 2562 ซึ่งเป็นวันจดทะเบียนเลิกบริษัท พบว่า แจ้งประกอบกิจการรับทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ โฆษณาตามสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีในส่วนของงบการเงินปี 2560-2562 พบว่า ไม่มีรายได้จากการให้บริการ และผลประกอบการขาดทุนสุทธิเป็นเงิน 97,415 บาท ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า บริษัท ทาโร่ทาเลนท์ จำกัด มิได้ประกอบกิจการใด ๆ เลย ศาลรัฐธรรมนูญมีมีติข้างมากว่า ผู้ถูกร้องที่ 20 มิได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชน" 

 

ศาลรธน.วินิจฉัย  29 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รอดถูกร้องถือหุ้นสื่อ

(ข้อมูล : สำนักข่าวอิศรา) 
 

ส่วนกรณีของส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน  ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย  แยกเป็น    พรรคอนาคตใหม่ 20 คน   ประกอบด้วย 1.พล.ท.พงศกร รอดชมภู   2.นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์   3.นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์  4.นายสุรชัย ศรีสารคาม  5.นายชำนาญ จันทร์เรือง 6.นายวินท์ สุธีรชัย 7.นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ 8.นายคารม พลพรกลาง 9.นายวาโย อัศวรุ่งเรือง 10. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 11.นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 12.นายวิภพ วิริยะโรจน์ 13.น.ส.เบญจา แสงจันทร์ 14.นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมด 15.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. 16.น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี 17.. น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม 18.นายจิรัฎฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา 19. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และ 20.น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม.

 

พรรคเพื่อไทย 4 คน ได้แก่ 1.นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย 2.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 3.นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และ 4.นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ 

 

พรรคเพื่อชาติ 4 คน เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมด ได้แก่ 1.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 2.นางลินดา เชิดชัย 3.น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช และ 4.นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล 

 

พรรคเสรีรวมไทย จำนวน 3 คน เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมด ได้แก่ 1.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส 2.น.ส.ธนพร โสมทองแดง และ 3.น.ส.พัชนี เพ็ชรจินดา และพรรคประชาชาติ 1 รายคือ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  (ขณะนี้อยู่ในระหว่างการอ่านคำวินิจฉัย)

 

ศาลรธน.วินิจฉัย  29 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รอดถูกร้องถือหุ้นสื่อ