- 09 พ.ย. 2563
สืบเนื่องจากเหตุกรณีกลุ่มมวลชนที่เรียกตัวเองว่า "คณะราษฎร ได้จัดการชุมนุมเคลื่อนไหวให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันกษัตริย์ ผ่านกิจกรรมการยื่นจดหมายถึงสถาบันเบื้องสูง พร้อมแสดงพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นความรุนแรงเกินกว่าที่การ์ดอาสาจะควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่สื่อสารกับสังคมสาธารณะ ว่า สันติ สงบ อหิงสา ส่วนประเด็นเนื้อหาก็มีลักษณะคุกคาม จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงในระดับที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่อาจยอมรับได้
สืบเนื่องจากเหตุกรณีกลุ่มมวลชนที่เรียกตัวเองว่า "คณะราษฎร ได้จัดการชุมนุมเคลื่อนไหวให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสถาบันกษัตริย์ ผ่านกิจกรรมการยื่นจดหมายถึงสถาบันเบื้องสูง พร้อมแสดงพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นความรุนแรงเกินกว่าที่การ์ดอาสาจะควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่สื่อสารกับสังคมสาธารณะ ว่า สันติ สงบ อหิงสา ส่วนประเด็นเนื้อหาก็มีลักษณะคุกคาม จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงในระดับที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่อาจยอมรับได้
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดเบื้องหลังเดือด ม็อบบุกพระบรมมหาราชวัง ตร.ฉีดน้ำสกัดการ์ดคุมมวลชนไม่อยู่ หวิดบานปลาย )
ล่าสุด อ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ศาลยุติธรรม ได้โพสต์ถึงการชุมนุมดังกล่าวว่า ".....พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยมาตรา 92 เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
.....(1) ฯลฯ
.....(2) กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า คณะราษฎรและชื่ออื่นๆ อีกหลายชื่อจนจำไม่ได้ว่า มีชื่ออะไรบ้าง แกนนำผู้ชุมนุมก็สลับเวียนเปลี่ยนไปหน้ากันไป แต่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เปลี่ยนก็คือ การจาบจ้วง ล่วงละเมิด ใส่ร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยข้อความอันเป็นเท็จและด้วยถ้อยคำที่ก้าวร้าวหยาบคาย
อ้างว่าต้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ความจริงต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ ในการชุมนุมมี ส.ส.พรรคก้าวไกลไปร่วมชุมนุมทุกครั้งและบางครั้งหัวหน้าพรรคก็ไปร่วมชุมนุมด้วย ทั้งยังมี ส.ส.บางคนคอยปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น กรณีที่ผู้ชุมนุมประกาศขอให้เอกราชแก่ฮ่องกง เมื่อมีการนำเรื่องนี้ไปพูดในที่ประชุมสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ลุกขึ้นปกป้องอ้างว่าเป็นกล่าวเท็จ ทั้งๆ เป็นความจริง และยังมีกรณีอื่นๆ อีกหลายกรณี
พฤติการณ์ของหัวหน้าพรรคและ ส.ส.พรรคก้าวไกล ดังกล่าวแสดงให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า ได้มีส่วนร่วมหรือเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชุมนุมที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ จึงเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 92(2) คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล กรณีที่เกิดขึ้นประชาชนต่างรู้เห็นกันทั่วหน้า กกต.ไม่รู้ไม่เห็นบ้างหรือ ? จึงเงียบเฉย !
นอกจากนี้ อ.ชูชาติ ยังโพสต์ถึงพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่า ".....กระดาษที่เขียนข้อความล่วงละเมิดจ้วงจาบหยาบช้าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใส่ถังใส่ขยะ ที่เรียกว่าตู้ไปรษณีย์แล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น คือพยานหลักฐานอย่างดีที่สุดที่ยืนยันถึงการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนโดยเฉพาะแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยไม่ต้องนำสืบพยานบุคคลอีก กลุ่มผู้ชุมนุมควรรู้ว่าการกระทำไปตามที่ผู้บงการอยู่ข้างหลังสั่งให้กระทำนั้น ผู้ที่ต้องรับผิดจากผลของการกระทำก็คือกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะแกนนำนั่นเอง ส่วนผู้บงการอยู่ข้างหลังหาต้องรับผิดชอบใดๆ ไม่ เพียงคอยรับผลประโยชน์ที่จะพึงมีเท่านั้น"
