- 01 ธ.ค. 2563
ถือเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงกันอย่างมากจากสิ่งที่ นายพริษฐ์ ชิวรักษ์ หรือ "เพนกวิน" โพสต์ในลักษณะกล่าวหาสถาบันเบื้องสูง มีความพยายามจะนำพระแก้วมรกต สมบัติชาติไปขาย จนกระทั่งมีการนำกรณีนี้ไปแจ้งความเอาผิด ขณะที่ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ถึงกับทนไม่ได้แสดงความเห็นตอบโต้กลับอย่างรุนแรง
ถือเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงกันอย่างมากจากสิ่งที่ นายพริษฐ์ ชิวรักษ์ หรือ "เพนกวิน" โพสต์ในลักษณะกล่าวหาสถาบันเบื้องสูง มีความพยายามจะนำพระแก้วมรกต สมบัติชาติไปขาย จนกระทั่งมีการนำกรณีนี้ไปแจ้งความเอาผิด ขณะที่ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ถึงกับทนไม่ได้แสดงความเห็นตอบโต้กลับอย่างรุนแรง
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : ส่อบานปลายหนัก เพนกวินโพสต์โยงพระแก้วมรกต นำโจมตีสถาบันฯ มหาไพรวัลย์ยังอยู่เฉยไม่ได้ )
ขณะที่ "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ " โพสต์ภาพข่าวหนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 22 มกราคม 1935 พร้อมข้อความระบุว่า " มีคนแปลให้แล้วนะ เป็นข้อมูลเนื้อหาที่ครบถ้วน โยมอ่านและใช้วิจารณญาณในการพิจารณาเอาเองแล้วกัน
กรุงเทพ, สยาม, วันอังคารที่ 22 ม.ค. (AP) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ขู่จะขายทรัพย์สมบัติสยามจำนวนมหาศาลของท่าน ในการเคลื่อนไหวนาทีสุดท้ายเพื่อจะนำรัฐบาลกลับสู่แนวทางที่ต้องการ ตามการรายงานวันนี้โดยสำนักข่าวที่เชื่อถือได้
ตามรายงานระบุ ท่านได้พูดว่าจะออกจากประเทศตลอดไป ถ้ารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคำขาดเมื่อเดือนตุลาคม ที่เรียกร้องให้คืนพระราชอำนาจในการควบคุมบทลงโทษประหารชีวิตให้กับสถาบันกษัตริย์
มีรายงานว่ากลุ่มผลประโยชน์ของอังกฤษจะเต็มใจที่จะซื้อทรัพย์สินของพระองค์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงวัง เทวสถานที่มีความงดงามตามแบบตะวันออก และที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แต่ยังมีพระแก้วมรกตด้วย อัญมณีอันเลื่องชื่อชิ้นนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ และภาพแห่งความรุ่งเรืองของประเทศสยาม มันเป็นหินที่งดงามชิ้นใหญ่โตที่ถูกฝังไว้ที่ส่วนหน้าผากของพระพุทธรูปและเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์
ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์นั้นให้ดอกผลเป็นรายได้ห้าแสนดอลล่าร์ต่อปี
ขณะนี้พระองค์อยู่ในอังกฤษ ที่ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดพระจักษุเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ผู้แทนทางการทูตของสยามได้เดินทางไปกรุงลอนดอนเพื่อเตรียมการกราบบังคมทูลเชิญให้ทรงเดินทางกลับ แต่พวกเขายังกระจัดกระจายอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนในยุโรป ขณะที่รัฐบาลกำลังร่างคำตอบสำหรับข้อเรียกร้องที่เป็นคำขาดของพระองค์
ปัญหานี้เริ่มต้นจากการใช้กำลังระหว่างที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่นอกประเทศบังคับให้พระญาติบางส่วนออกจากตำแหน่งราชการและแก้ไขรัฐธรรมนูญ พระญาติเหล่านั้นได้ร่วมกับกองกำลังอีกส่วนหนึ่งพยายามที่จะต่อต้านโดยไม่ประสบผลสำเร็จ
เกิดข่าวลือกันมากมายเกี่ยวกับการคาดเดาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อไปหากพระมหากษัตริย์ทรงสละราชสมบัติตามคำขู่จริง มีตัวเลือกอยู่สองสามทาง ทายาทโดยชอบธรรม คือหนึ่งในพระราชนัดดา (ไม่มีมกุฎราชกุมาร) จะไม่ยอมรับตำแหน่ง ส่วนพระราชนัดดาอีกพระองค์ คือพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์นั้น เป็นที่ยอมรับ แต่มีพระมารดาเป็นชาวรัสเซีย จึงทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้"
ประเด็นน่าสนในก็คือไม่รู้ข้อมูลที่ทาง "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ " นำมาโพสต์เป็นข้อมูลที่ถูกหรือผิด แต่ปรากฎว่าข้อความดังกล่าว มีผู้เข้าไปแสดงความเห็น และนำไปแชร์จำนวนมาก ขณะที่ล่าสุด "นายอัษฎางค์ ยมนาค" นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์อธิบายประเด็นดังกล่าว ในลักษณะตรงข้ามกับสิ่งที่ "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ " อย่างชัดเจน "Big Data and Small Decisions มา “เบิกเนตร” กันกับข่าว ร.7 แอบขายพระแก้วมรกต #เอาความจริงออกมา
"มีการปล่อยข่าวโจมตีให้ร้าย ป้ายสีพระมหากษัตริย์แห่งราชจักรีหลายพระองค์ โดยเฉพาะรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 9 ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ เพนกวินเจ้าเก่าโจมตีให้ร้ายว่า ร.7 ทรงมีพระราชประสงค์ในการเอาพระแก้วมรกตไปขาย ด้วยการใช้วิธี อ้างอิงข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนจากสื่อต่างประเทศ คำถามคือ มันเป็นข่าวจริงหรือไม่? การใช้ข่าวจากสื่อต่างประเทศนั้นดูน่าเชื่อมาก โดยเฉพาะข่าวที่เผยแพร่ในอดีต ที่เด็กรุ่นใหม่ใช้คำว่า “เบิกเนตร” และกล่าวหาคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ว่า โง่ โดนหลอดมาทั้งชีวิต ตามมาดูกันว่าใครกันแน่ที่โง่ และใครกันแน่ที่โดนควรจะโดนเบิกเนตร
ตามผมมา….
ให้นึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน เกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลข่าวสาร ข่าวเท็จบิดเบือน ให้ร้ายป้ายสี ทั้งในเมืองไทยและในสื่อต่างประเทศ เต็มไปหมด ถูกต้องมั้ย แล้วในอนาคตอีก 30 ปี 50 ปีข้างหน้า ก็จะมีคนประสงค์ร้าย เอาข่าวเท็จบิดเบือนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้นั้น เพื่ออ้างอิง แล้วไปสร้างข่าวบิดเบือนเผยแพร่ต่อไปได้อีกในอนาคต เห็นอะไรมั้ย เข้าใจแล้วใช่มั้ย กระบวนการบิดเบือน ให้ร้ายป้ายสี มีมาทุกยุคทุกสมัยและมันมีมานานแล้ว