- 03 ธ.ค. 2563
สืบเนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ นับแต่เมื่อใด และแถลงว่าสถานะความเป็นรัฐมนตรียังไม่สิ้นสุดลงตามคำร้อง
สืบเนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ นับแต่เมื่อใด และแถลงว่าสถานะความเป็นรัฐมนตรียังไม่สิ้นสุดลงตามคำร้อง
ทว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร หลังจากทราบความเคลื่อนไหวจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการทวิตใช้ข้อความหยาบคาย ด่าทอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อย่างรุนแรง รวมถึงยังมีถ้อยคำพาดพิงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตลอดจนก้าวล่วงต่อสถาบันเบื้อสูง ในระดับเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างชัดเจน อาทิ ไม่ใช่แค่ขอแจก XXXX ให้ประยุทธ์ ให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ขอแจกให้ทุกตัวใน XXXXXXรวมถึงเจ้าของมันด้วย , ประยุทธ์รอดวันนี้คงเพราะมันห้อยพระดี ไม่ได้ห้อยแค่พระรอดแต่ห้อยXXXXXXXXX
หลังจากก่อนหน้านี้ เพนกวิน ได้ทวิตข้อความด่าหยาบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงก่อนมีคำวินิจฉัย ว่า "ทุกคนรู้กันดีว่าประยุทธ์จะอยู่หรือไป แท้จริงแล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งใน XXXXXXXX ที่มีประยุทธ์เป็นจ่าฝูง ทุกวันนี้ประยุทธ์อยู่ได้ เพราะขายตัวเองให้เจ้าของมันฟังว่าตัวเองเอาทุกอย่างอยู่ เอาม็อบอยู่ เอาพวกตัวเองอยู่ แต่ดูทรงแล้วพวกตัวเองตอนนี้ก็กำลังร้าว เหลือแต่พวกเราว่าจะสู้หรือถอย...."
ต่อมา นางปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ภาพ พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "#แจ้งความเพนกวิน ตามที่น้องเพนกวินได้โพสต์ข้อความ ที่ผิดกฎหมายทั้งหมด 4 โพสต์ พอเห็นแล้ว นอนไม่หลับ ต้องลุกมาแจ้งความ
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดคำวินิจฉัยศาลรธน. มติเอกฉันท์ บิ๊กตู่ พ้นผิด เพนกวิน พล่านหนัก ด่าหยาบนายกฯ ศาล โยงเบื้องสูง )
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : เมื่อจนท.ไม่ทำงาน!? "ปารีณา" จัดให้อีกคดีอาญา "เพนกวิน" กร่างด่าหยายศาลรธน. จาบจ้วงเบื้องสูง )
ล่าสุด ส.ต.ท.มนตรี แดงศรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานนิติการ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รับมอบอำนาจจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ผ่าน พ.ต.ท.นิติธร เดชระพีร์ รองผกก.สอบสวน กก.3 บก.ปอท. กรณีกลุ่มราษฎรปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีคำวินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ผิดในคดีพักบ้านหลวง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว
โดย ส.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำตามที่ปรากฏผ่านสื่อโซเชียลเข้าข่ายดูหมิ่นศาล จึงมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าปอท. ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาว่าการปราศรัยของแกนนำคนใดบ้างเข้าข่ายเป็นความผิด รวมถึงกรณีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของแกนนำกลุ่มราษฎร์ การล้อเลียนการทำหน้าที่ของศาล ซึ่งก็เป็นการดูภาพรวมทั้งหมด
นอกจากนี้ ส.ต.ท.มนตรี เลี่ยงที่จะระบุว่าได้แจ้งความให้ปอท.ดำเนินการเอาผิดกับแกนนำคนใดบ้าง อ้างแต่เพียงว่าให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนพิจารณา ตนเพียงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งความในฐานะที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ความรับความเสียหาย โดยได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วบางส่วน ทั้งนี้เบื้องต้นความผิดดังกล่าวเข้าข่ายผิดมาตรา 198 ประมวลกฎหมายอาญา ส่วนในเรื่องการละเมิดศาลทางสำนัก งานก็กำลังดูอยู่ ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะมีอะไรออกมาอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 กำหนดไว้ว่าผู้ใดดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณา หรือพิพากษาของศาลต้องระวางโทษจำคุกตั้ง 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
