- 10 ส.ค. 2566
ปิดดีล เพื่อไทย - ชาติไทยพัฒนา จับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาล 238 เสียง หมอชลน่าน ยันไม่เคยปฏิเสธเสียงพี่น้องประชาชน
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค แถลงข่าวจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดยนายวราวุธ กล่าว ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ยื่นไมตรีจิตเรียนเชิญพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งพรรคเพื่อไทยกับชาติไทยพัฒนามีแนวคิด นโยบายทัศนคติไปด้วยกันได้ จึงยินดีตอบรับเข้าร่วมกันทำงานในฐานะรัฐบาล เราเชื่อมั่นเพื่อไทยว่าจะพาประเทศเดินหน้า
ส่วนจะช่วยสนับสนุนในการหาเสียงหนุนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายวราวุธ ระบุว่า การที่แต่ละพรรคได้ แสดงเจตจำนงค์ร่วมกันแล้วก็ต้องหาคะแนนช่วยกันให้ได้คะแนนเสียงให้ได้เกิน 376 เสียง เพื่อให้การโหวตนายกรัฐมนตรีผ่านไปได้ และเกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า วันนี้ต้องขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ได้ตอบรับคำเชิญเพื่อไทยเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส่วนคำแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติมโดยการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ในสถานการณ์ของประเทศเรามีวิกฤต ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขจะก่อให้เกิดวิกฤตมากขึ้น เราจะจับมือกันแก้ไขปัญหาของประเทศ
โดยการจับมือทุกกลุ่มทุกฝ่าย ดังนั้นการแก้วิกฤตครั้งนี้จำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต นำประชาชนออกจากวิกฤต เราขอวิงวอนให้ประชาชนมั่นใจ พร้อมขอแรงใจสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาให้สังคมไทยกลับสู่ปกติในเร็ววัน
พร้อมกันนี้ นายวราวุธ กล่าวในช่วงตอบคำถามกับสื่อมวลชนว่า การที่แต่ละพรรคแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกัน ซึ่งทุกพรรคมาช่วยกันหาเสียงเกิน 376 เสียง ไม่ว่าเพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ก็ต้องพยายามหาคะแนนเสียงช่วยโหวต ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหา
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า กรณี สว.บางส่วนยังกังวลว่าก้าวไกล จะกลับมาร่วมรัฐบาลภายหลังนั้น ยืนยันว่า เพื่อไทยกับก้าวไกล พยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน โดยมีก้าวไกลเป็นแกนนำ 312 เสียง และเป็นที่รู้กันว่าไม่สำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากในรัฐสภา เพื่อไทยได้รับส่งมอบไม้ต่อจากก้าวไกลในการจัดตั้ง 8 พรรค ภายใต้ MOU เดิม และเพื่อไทยได้พยายามถึงที่สุดเพื่อขอคะแนน 312 เสียง แต่เป็นไปไม่ได้ ได้สูงสุด 324 เสียง ดังนั้น ต้องหาความร่วมมือทุกพรรค ทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่พรรคทำเปิดเผย
"เราทำอย่างเปิด เพื่อเราต้องการคำตอบเปิดเผย ทำไมถึงไม่ละคะแนนให้ในการจัดตั้งร่วมก้าวไกล คำตอบชัดในเรื่อง ม.112 แม้จะแก้หรือไม่แก้ ก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลหรือลงให้ได้ แต่มี 1 พรรค ที่ชัดว่าถ้ามีการปลดไม่แก้ ม.112 ก็ร่วมได้ เป็นคำตอบชัดมาก เพื่อไทยจำเป็นต้องหาคะแนนจากพรรคอื่น ถ้ามีก้าวไกลร่วมจัดตั้ง ก็ไม่ได้คะแนน เราจำยอมที่ต้องทำ ไม่ได้เกลียดก้าวไกล หรือปฏิเสธเสียงประชาชน แต่ถ้าเพื่อไทยไม่ทำอะไร เท่ากับไม่รับผิดชอบ และเพื่อหาเสียงเพิ่มเป็นสิทธิ์ได้รับมอบหมาย" นพ.ชลน่าน กล่าว
สำหรับการที่เพื่อไทยเดินหาเสียงโดยไม่มีก้าวไกล ซึ่งยืนยันไปคุยทุกพรรคทุกส่วน เพื่อขอคะแนนนำมาโหวตนายกฯ ไม่ได้เป็นการจัดตั้งรัฐบาล เพราะยังมีวิกฤตรัฐธรรมนูญ ที่ติดล็อกตรงนี้ จึงขอทุกฝ่ายมาร่วม แต่เป็นเอกสิทธิ์ การไปคุยทุกพรรค รวมถึงก้าวไกลเมื่อวาน ถามถึงเจตจำนงเพื่อปลดล็อกเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ไปชวนร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ดังนั้น ความกังวลของ สว. เพื่อไทยสามารถตอบคำถามได้ และทุกภาคส่วนเชื่อว่าได้รับการยอมรับ
ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า การไปเมื่อวานไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะไปคุยทุกพรรคทุกคน พร้อมสะท้อนว่าเพื่อสลายขั้วความขัดแย้งทุกพรรคการเมือง และยืนยันว่าไปเมื่อวานไม่ได้ชวนก้าวไกลร่วมรัฐบาล เนื่องจากชัดเจนตั้งแต่ MOU และการไปเมื่อวานเพื่อรับฟังความเห็น ซึ่งเป็นการตั้งรัฐบาลในมิติใหม่ เพื่อไทยจะทำงานสร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำตรงข้ามเสมอ อะไรเป็นเรื่องประโยชน์ประชาชน พร้อมสนับสนุน ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ยกเว้น ม.112 และสถาบันหลักประเทศ และไม่เชื่อว่า สมาชิก สส. สว. หรือกลุ่มองค์กรต่างๆ จะมีปัญหา
"วันนี้เราจะตั้งรัฐบาลมิติใหม่ ไม่ใช่เอาประโยชน์พรรคการเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ครองกระทรวงไหน แต่จะมาแก้วิกฤตประเทศ ดังนั้น ขอให้ไว้ใจเพื่อไทย และแคนดิเดตของพรรค ยังไม่ได้เชิญใครร่วมรัฐบาล ไม่ว่า ปชป. รทสช. พปชร. แต่ปัญหา คือ เชิญโหวตเพื่อไทยแคนดิเดตของเรา และทุกพรรคเราไปพบและคุยทุกกลุ่ม แต่กระบวนการเป็นไปตามกรอบเวลาและวาระ" นายภูมิธรรม ระบุ
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า หากก้าวไกลไม่โหวตให้นั้น ก็ได้คุยเมื่อวาน และเพื่อไทยไปคุยทุกฝ่ายเหมือนก้าวไกล เพื่อให้ไปไตร่ตรองและคิด เพราะยังมีเวลา วันนี้เพื่อไทยทำคู่ขนาน พรรคไหนพร้อมก็เปิด ทุกพรรคคุยหมด ไม่ได้คาดคั้น แต่ให้แสดงเจตจำนง ถ้าไม่พร้อมก็พิสูจน์ให้เห็นวันโหวตนายกฯ