- 22 ก.ย. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ (22 ก.ย.) สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.40 น. ของวันที่ (20 ก.ย.) ได้มีชายชาวอุยกูร์สัญชาติตุรกี จำนวน 10 คน ประกอบด้วย 1.นายราชิต ฮาชิม อายุ 22 ปี ชาวอุยกูร์สัญชาติตุรกี อายุ 22 ปี 2.นายอาหมัด ตูรัก อายุ 28 ปี 3.นายยูซุป อาลี อายุ 32 ปี 4.นายมูฮัมหมัด ยูซุป อายุ 36 ปี 5.นายมุสตาฟา อายุ 25 ปี 6.นายอับดุล มาห์มุด อายุ 20 ปี 7.นายยาร์มาโต้ มูตีดีน อายุ 30 ปี 8.นายเซเกต บายาร์ส อายุ 40 ปี 9.นายคีลิค มาฮัม อายุ 38 ปี และ 10 นายมะหมูด เยฮาล อายุ 24 ปี หลบหนีออกจากชั้น 2 อาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย
โดยภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังหลายหน่วยงานโดยมี นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย มาอำนวยการในการติดตามตัวชาวอุยกูร์ที่หลบหนี จนกระทั่งสามารถติดตามจับคืนมาได้ทั้งหมด 9 ราย ยังคงหลบหนีอยู่ 1 รายคือนายราชิต ฮาชิม อายุ 22 ปี ชาวอุยกูร์สัญชาติตุรกี โดยเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหาชาวอุยกูร์ที่ถูกจับคืนมาทั้งหมด คือหลบหนีการควบคุมของเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง และร่วมกันทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
สำหรับการติดตามตัวนายราชิต ฮาชิม อายุ 22 ปี ชาวอุยกูร์สัญชาติตุรกี เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังออกติดตาม โดยช่วยกันปูพรมค้นหานายราชิต รัศมี 5-10 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีเฮลิคอปเตอร์กองบินตำรวจภาค 4 บินช่วยค้นหาด้วย เบื้องต้นยังไม่พบตัวแต่อย่างใด
ด้านผู้สื่อข่าวอาวุโสท่านหนึ่งของจังหวัดหนองคาย ตั้งข้อสังเกตุถึงการนำเสนอข่าวรวมทั้งการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่ว่าขาดความรอบคอบในการให้ข่าว เพราะหลังจากเกิดเหตุขึ้น ทาง พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. ประชุมทางไกลหรือประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมกล่าวเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ที่ผ่านมาว่า “จากการตรวจสอบวิธีการหลบหนีนั้นผู้ถูกกักตัวอยู่รวมกัน 10 ราย ภายในห้องขนาดใหญ่ดัดแปลงด้วยการติดเหล็กดัดไว้รอบห้องอยู่ชั้น 2 ในพื้นที่ด่าน ตม.จ.หนองคาย ใช้วิธีดึงเหล็กดัดที่ติดตั้งบนฝ้าเพดานโดยใช้น้ำหนักตัวโหนเหล็กดัดพังลงมาแล้วปีนขึ้นไปแล้วใช้เสื้อผ้ามัดรวมกันพร้อมทำปมโรยตัวลงมานอกอาคารแล้วหลบหนี”
ต่อมาในวันเดียวกัน (20 กันยายน 2559 ) เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของจังหวัดหนองคายได้ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง บริเวณหลังคามีการใช้วัสดุมีคมคาดว่าเป็นตะไบ หรือใบเลื่อย ตัดเหล็กตะแกรงชั้นแรก เจาะฝ้าเพดาน และเจาะทะลุกระเบื้องหลังคาเป็นช่องกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร และพบผ้าห่ม ผ้ารองนอนผูกมัดกันเป็นเชือกโยงมาชั้นล่างความสูงประมาณ 3 เมตร
และล่าสุดในวันที่ 21 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สมใจประสงค์ รอง ผกก.ตม.หนองคาย นำสื่อมวลชนบางส่วนตรวจดูสภาพห้องควบคุมบริเวณชั้น 2 อาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย จุดที่ชาวอุยกูร์ 10 คน ใช้เป็นช่องทางหลบหนี โดยบริเวณด้านบนนำเหล็กมาเชื่อมติดกันเป็นลูกกรง ก่อนจะเป็นชั้นฝ้าเพดาน และกระเบื้องหลังคา แต่เนื่องจากรอยเชื่อมเหล็กอาจเสื่อมชำรุดตามกาลเวลา และพบว่าด้ามไม้กวาดซึ่งเป็นไม้ที่อยู่ภายในห้องเอาไว้ให้ผู้ต้องกักทำความสะอาดมีรอยกระแทกแตก มั่นใจว่ากลุ่มชาวอุยกูร์จะใช้ด้ามไม้กวาดงัดเหล็กแล้วออกแรงกระชากจนพังลงมา เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นมุมอับในห้องน้ำ ไม่มีกล้องวงจรปิดจึงไม่เห็นความเคลื่อนไหวบริเวณดังกล่าว ประกอบกับวันเกิดเหตุมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ไฟฟ้าดับ ชาวอุยกูร์จึงใช้ช่วงเวลาดังกล่าวหลบหนี ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปล่อยละเลยให้ชาวอุยกูร์มีอาวุธ หรือมีวัสดุที่สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมตัดเหล็ก ทั้งเลื่อย ตะไบ หรือวัสดุมีคมทุกชนิดเข้ามาในพื้นที่บริเวณห้องควบคุมอย่างแน่นอน
สื่อมวลชนอาวุโสของจังหวัดหนองคายท่านนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นมาข่าวนี้ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่การนำเสนอข่าว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกลับไม่ตรงกันแม้แต่ครั้งเดียว เพราะข่าวที่ถูกนำเสนออกไปครั้งแรกบอกว่าจับได้ครบทั้ง 10 คน ซึ่งข้อเท็จจริงจับได้เพียง 9 คน หลบหนีไปได้ 1 คน รวมทั้งการเชิญสื่อไปร่วมสังเกตการณ์จุดเกิดเหตุก็เลือกเชิญสื่อบางสำนักข่าวที่มีความสนิทสนมกันเข้าไปทำข่าว จึงอยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีดังกล่าว ประชาชนชาวหนองคายส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจกับข่าวการหลบหนีจากห้องกัก ตม.หนองคาย และได้ติดตามข่าวทุกช่องทาง ซึ่งส่วนใหญ่ต่างให้กำลังใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ มีบางส่วนที่เห็นว่าการย้ายเจ้าหน้าที่ระดับล่างๆคงไม่ทำให้เกิดการแก้ปัญหาขึ้นมาได้ ควรย้ายผู้บังคับบัญชาโดยตรงจะดีที่สุด เพราะเป็นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกรณีนี้โดยตรงนั้นเอง และเห็นว่าการที่สื่อมวลชนเข้าไปนำเสนอข่าวขณะเจ้าหน้าที่นำตัวชาวอุยกูร์ไปที่ศาล เห็นว่าไม่เหมาะสม ควรเคารพสิทธิของชาวอุยกูร์ด้วย อีกทั้งอาจเกิดการเข้าใจผิดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สื่อมวลชนที่ดีควรระมัดระวังในการนำเสนอข่าว
โดยล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันที่ (20 ก.ย.) ได้มีชายท่าทางลักษณะคล้ายนายราชิต สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีม่วง กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน รองเท้าหุ้มส้นสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีขาว สะพายเป้สีดำ เดินอยู่กลางถนนซึ่งคาดว่าน่าจะแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนๆหลังทราบว่ากลุ่มเพื่อนๆถูกจับกุมตัวได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่านายราชิต จะใช้เส้นทางตามรางรถไฟหลบหนี เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่จุดตัดทางรถไฟ ระหว่างหนองคาย – อุดรธานี ช่วงทางแยกเข้า อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พบเห็นบุคคลคล้ายนายราชิต เดินสะพายกระเป๋าผ่านไปมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี
พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไปตรวจสอบพื้นที่ จ.อุดรธานี โดยได้นำรูปถ่ายนายราชิต พร้อมภาพจากกล้องวงจรปิดให้ประชาชนดูตลอดระยะทางที่ติดตาม แต่ก็ยังไม่พบตัว และตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตามจุดที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางหลบหนีของนายราชิต ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีและขอนแก่นให้ช่วยติดตามจับกุมรายราชิต และเชื่อว่านายราชิตจะหลบซ่อนอยู่ตามป่าละเมาะหรือบ้านร้างเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งเชื่อว่าจะอาศัยช่วงเวลากลางคืนในการหลบหนี
ทั้งนี้สำหรับชาวอุยกูร์ทั้ง 10 คนนี้ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายได้รับตัวมาจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 โดยเป็นชาวอุยกูร์ที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ทั้งเดินทางด้วยรถยนต์และทางเรือ บางคนอ้างว่าเป็นนักศึกษา บางคนทำงานเป็นพ่อครัว ช่างไม้ นักธุรกิจ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวและต้องการกลับตุรกี แต่เข้าเมืองไม่ถูกต้องจึงถูกตรวจคนเข้าเมืองจับกุมตัวไว้
ภาพ/ข่าว : ภัทรวินทร์ ลีปาน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.หนองคาย