- 02 ส.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 2 ส.ค. 60 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านโคกตูม ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีหญิงวัย 64 ปี ถูกสามีไล่หนีออกจากบ้าน ต้องมาอาศัยขอข้าวชาวบ้านรับประทาน เนื่องจากทำสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง สูญหายระหว่างเดินทาง ชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะถูกป้ายยา หลังจากฟังคำบอกเล่าเมื่อไปตรวจสอบ พบนางอุดม หาญปรับ อายุ 64 ปี อาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว นั่งอยู่ร้านค้าสามแยกกลางหมู่บ้านโคกตูม ต.เสม็ด อ.เมือง ในสภาพหน้าซีดเซียว ไม่มีแรง พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าตนเองเป็นคนนอกพื้นที่ มาอยู่กับสามี 2 คน ปลูกกระท่อมอยู่บนที่ดินนายจ้าง ที่บ้านโคกตูม เพื่อรับจ้างเลี้ยงวัวแบ่งกันกับนายจ้าง เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมาได้รับส่วนแบ่งเป็นลูกวัวจากนายจ้าง จึงขายเอาเงินไปซื้อทอง 2 สลึง เพื่อให้เป็นสมบัติติดตัว แต่ในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหา ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน พยายามหารับจ้างทั่วไปแต่ต้องมาเจ็บป่วยซ้ำอีก ตนกับสามีจึงตัดสินใจจะเอาทองเส้นสุดท้าย ไปจำนำเพื่อจะเอาเงินมาซื้อข้าวสารอาหารแห้ง
จากนั้นได้เอาทองในตลับที่เก็บไว้ใส่กระเป๋า นั่งรถโดยสารไปตัวเมือง โดยระหว่างทางได้ย้ายทองจากกระเป๋าถือ มาใส่กระเป๋าเสื้อ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย เมื่อไปถึงสถานีขนส่ง ได้นั่งรถสองแถวเล็กสีชมพูต่อ เพื่อจะไปตลาดสดระหว่างที่รถสองแถวมาถึงหน้าโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ได้มีชายวัยกลางคนผิวดำ - แดง ขึ้นรถนั่งอยู่เบาะฝั่งตรงข้ามกัน ประมาณ 2 นาที ชายคนนั้นได้ลุกมานั่งประชิดติดกับตัวเอง แต่ก็ไม่เอะใจ พอลงจากรถหน้าตลาดสด รู้สึกมึนงง เดินเซ คล้ายจะเป็นลม ทั้งที่ไม่เคยเมารถมาก่อน จึงเดินไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมารับประทาน เพราะคิดว่าไม่ได้ทานข้าว แต่ก็ไม่หายจึงเดินมุ่งหน้าไปร้านทอง เพื่อจะเอาทองที่เตรียมมาไปจำนำ เมื่อไปถึงร้านทองได้ควักเอาตลับทองในกระเป๋าเสื้อ ปรากฏว่าพบเพียงตลับทอง ส่วนทองรูปพรรณกับสำลีภายในตลับได้หายไป จึงออกเดินตามหาตลอดเส้นทางนานกว่าครึ่งวัน ก็ไม่พบ จึงมาคิดได้ว่าคนที่มาขโมยเอาทองไปน่าจะเป็นชายคนมานั่งประชิดตัว
จึงรวบรวมเงินที่เหลือในกระเป๋านั่งรถโดยสารมาลงปากทาง แล้วเดินกลับบ้านไกลกว่า 6 กิโลเมตร ก่อนจะเล่าให้สามีฟัง ทำให้สามีโมโห ไล่หนีออกจากบ้าน ตอนนี้อยากจะไปแจ้งความให้ตำรวจติดตามตัว แต่ยังไม่มีเงินค่ารถเดินทางไป จึงอยากจะขอร้องให้ตำรวจช่วยติดตามหาคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะยังจำชายคนดังกล่าวได้ดี ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าโรงพยาบาลบุรีรัมย์อยู่ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เกี่ยวกับการป้ายยาซึ่งในช่วงที่ผ่านมามักจะระบาด ได้รับคำตอบว่า ในทางการแพทย์จะเรียกว่ายาสลบ ใช้ด้วยวิธีสูดดมเท่านั้น ส่วนคนร้ายจะมาดัดแปลงในลักษณะไหน ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน
ภาพ/ข่าว วาทิตย์ แสนธุปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส จ.บุรีรัมย์