- 16 ส.ค. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
(16 ส.ค.) ในพิธีฌาปณกิจศพ คุณพ่อเนียม สุชาติพงศ์ อายุ 97 ปี ซึ่งตั้งศพบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจ ที่ฌาปนสถานวัดสำโรง หมู่ที่ 6 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการว่าจ้างคณะกาหลอมาบรรเลงประโคมในพิธีรวมทั้งในการบำเพ็ญกุศลศพทุกคืน ทั้งนี้เนื่องจาก เป็นความตั้งใจขอคุณพ่อเนียม ผู้ตาย ที่เป็นคนที่ชื่นชอบศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งตลอดชีวิตของคุณพ่อเนียม จะชักชวนลูกหลาน ญาติมิตรและพรรคพวกเพื่อนฝูงไปชมมหรสพพื้นบ้าน อาทิ มโนราห์ หนังตะลุง และกาหลออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานบำเพ็ญกุศลศพคุณพ่อเนียม จะต้องไปชมการการแสดงหรือบรรเลงของวงกาหลอเป็นประจำ และจะแนะนำสั่งสอนลูกหลานเสมอการแสดงกาหลอก เป็นมรดกที่บรรพระบุรุษรุ่นสู่รุ่นสืบสานกันมานานนับ 100 ปี แต่นับพันจะหาดูได้ยากมากขึ้นทุกวัน และสั่งเสียว่าหากคุณพ่อเนียม เสียชีวิต ให้ลูกหลานว่าจ่างวงกาหลอมาบรรเลงในงานบำเพ็ญกุศลศพทุกคน รวมทั้งในพีฌาปนกิจศพด้วย ลูกหลานจึงปฏิบัติตาม และได้ว่าจ้างวงกาหลอคณะหมอขำ ซึ่งเป็นวงกาหลอที่เหลือเพียงคณะเดียวในจังหวัดนครศรีธรรมราช
นายขำ บุญเกิด อายุ 80 ปี เป็นหัวหน้าคณะกาหลอหมอขำ กล่าวว่า การละเล่นกาหลอผูกพันกับวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวนครศรีธรรมราชมานานนับ 100 ปี โดยวงกาหลอส่วนใหญ่จะแสดงในงานบำเพ็ญกุศลศพ แต่ในปัจจุบันความนิยมลดน้อยลง ไม่ค่อยมีการว่าจ้างวงกาหลอไปแสดงหรือบรรเลง ทำให้วงกาหลอหายไปเกือบหมด ในจังหวัดนครศรีธรรมราชและใกล้เคียงจึงเหลือเพียงคระตนเพียงคณะเดียวเท่านั้น โดยในอดีตการแสดงหรือบรรเลงกาหลอได้รับความนิยมและถือประเพณีนิวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช และชาวภาคใต้ โดยยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมามาแต่โบราณโดยมีความเชื่อว่าการแสดงหรือบรรเลงกาหลอเป็นส่วนหนึ่งของพิธีที่เข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะเสียงปี่วงกาหลอ นอกจากจะมีความไพเราะแล้วทั้งเสียงและท้วงทำนองที่โหยหวนจับจิตจับใจ จนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของงานบำเพ็ญกุศลศพ ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงกาหลอส่วนใหญ่หวาดหวั่นสะพรึงกลัวไปด้วย
สำหรับความเป็นมาของวงกาหลอ สมัยก่อนเขาจะเรียกว่า ตาหลอ คือ หมายความว่า ตานั้นไปตัดไม้หลอมาทะธน ก็เลยเรียกว่า ตาหลอ แต่มาสมัยนี้หรือปัจจุบัน เขาเปลี่ยนมาเป็นกาหลอ ที่เขาเวียนเขาพระสุเมรุสมัยก่อน จนถึงบัดนั้นมาจนถึงบัดนี้ ในส่วนของคณะวงกาหลอนี้ มีชื่อว่า วงกาหลอหมอขำ ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตกาล 3 ชั่วอายุไขคนแล้ว ในส่วนผมสืบทอดมาตั้งแต่อายุ 19 ปี จนถึงปัจจุบันผมอายุ 80 ปี ทำมาตลอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ก็ยึดอาชีพนี้เป็นหลัก ในส่วนของการว่าจ้าง ก็เป็นราคาที่ไม่มากเกินไป ตามราคาฐานะของแต่ละงาน ซึ่งการทำก็ได้สืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ มีความภาคภูมิใจที่สุดเลย ที่ได้สืบทอดประเพณีหรือศิลปวัฒนธรรม ตั้งแต่รุ่นครูบาอาจารย์ หรือถ้าเรียกกันแบบตรงๆว่า สืบทอดรากเหง้าของโบราณ ที่กำลังจะสูนหายไปจากท้องถิ่น หรือ ประเทศไทยเราก็ได้ แต่การทำการสืบทอดกาหลอนี้ บุคคลต้องชอบด้วย ถ้าไม่ชอบหรือไม่รักก็จะทำไม่ได้
นายขำ บุญเกิด กล่าวอีกว่า การบรรเลงเพลง หรือละเล่นนั้นส่วนใหญ่นิยมบรรเลงทั้งหมด 12 เพลง โดยไม่มีเนื้อร้องใช้บรรเลงให้เกิดเสียงและทำนองเพียงอย่างเดียวและต้องเหมาะกับบรรยากาศ ในช่วงต่าง ๆ ในงานบำเพ็ญกุศลศพด้วย ส่วนใหญ่จะเริ่มบรรเลงเพลงไหว้พระ และในตอนค่ำใช้เพลงทองศรี ช่วงดึกเพลงนกพิทิด หัวรุ่งใช้เพลงทองศรี ตอนเช้าตรู่น้ำค้างยังไม่แห้งใช้เพลงนกกระจอกเต้น พอดวงอาทิตย์ขึ้นใช้เพลงแก้วแสงทองและตอนเช้าเพลงนกเปล้ากินไทร ในช่วงตอนยกศพไปเพื่อยังฌาปนสถานใช้เพลงเหยี่ยวเล่นลม ช่วงแห่หรือหามศพใช้เพลงทอมท่อม เมื่อแห่หรือหามศพเข้าเขตป่าช้าใช้เพลงยั่วยวน นำศพถึงเมรุใช้เพลงสุริยน ขณะตั้งศพรอฌาปนกิจใช้เพลงทองศรีต่อด้วยเพลงพลายแก้วพลายทอง และตอนประชุมเพลิง ใช้เพลงพระพาย จนเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพ สำหรับเครื่องดนตรีวงกาหลอมีเพียง 3 ชิ้น ประกอบด้วย ปี่เป็นดนตรีที่สำคัญที่สุด 1 เลา กลองทน 2 ใบใช้ตีขัดจังหวะและฆ้องหรือโหม่ง 1 ใบ ในอดีตนิยมใช้ 2 ใบ แต่ระยะหลังใช้เพียงใบเดียว มักเลือกฆ้องที่มีเสียงกังวานตีแล้วได้ยินไกล นักดนตรีหรือผู้ร่วมบรรเลงจำนวน 3-4 คน โดยหัวหน้าวงเป่าปี่
“โดยจะมีการสร้างโรงเรือนเล็ก ๆ ขึ้นเป็นการเฉพาะให้กับคณะกาหลอสำหรับนั่งบรรเลง เรียกว่า “โรงกาหลอ” ในขณะที่เข้าไปประจำอยู่โรงกาหลอแล้วจะออกไปไหนไม่ได้ จะต้องอยู่ในบริเวณโรงเท่านั้นจะออกไปกินนู้นกินนี้ข้างนอกไม่ได้เลย ทุกอย่างต้องทำอยู่บริเวณในโรงกาหลอเท่านั้น ทั้งนี้เพราะจะมีคาถา อาคมหลายชนิดที่ให้ครูบาอาจารย์ให้มา ซึ่งจะต้องยึดมั่นแบบทุกระเบียบนิ้ว ก่อนออกจากบ้านมาที่งานจะต้องกราบไหว้ บนบานครูบาอาจารย์ หรือที่เรียกว่า “ยกครู” มาก่อน ทุกครั้งไป จนกระทั้งเสร็จสิ้นพิธีในแต่ละคืนหรือฌาปนกิจศพเสร็จสิ้น จึงออกไปนอกโรงกาหลอได้ ที่สำคัญคนที่เป็นนักดนตรีกาหลอต้องปฏิบัติตนให้ดี ยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรม จะเที่ยวไปยอกล้อหรือเกี้ยวราพาสีผู้หญิงก็ไม่ได้ หากทำไม่ดีผิดพลาดสิ่งเลวร้ายมันจะเข้ากลับหาตัวและจะเกิดภัยร้ายกับนักกาหลอคนนั้น ๆ ได้ ในทางตรงข้ามหากยึดมั่นในความดี ปฏิบัติตัวถูกต้อง ครูบาอาจารย์และถาถาอาคมที่เรานับถือจะส่งผลให้ตัวเราและเจ้าภาพเกิดผลดี เจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย เกิดเป็นบุญบารมีใหญ่หลวง”
นายขำ บุญเกิด กล่าวอีกว่า อยากจะฝากไปยังลูกๆหลานๆ ในยุคปัจจุบัน ให้หันมาสนใจและฝึกฝนการเล่นกาหลอเพื่อจะได้สืบสานศิลปะการแสดงของท้องถิ่นให้อยู่คู่กับสังคมภาคใต้ต่อไป ในปัจจุบันรู้สึกเป็นห่วงส่าเมื่อหมดยุคของตนแล้ววงกาหลออาจจะหายสาบสูนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นประเพณีโบราณที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน แต่ตนก็เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยชอบเล่นกาหลอเพราะต้องใช้ความคิด ความละเอียด ฝึกฝน และยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรมและความดี ซึ่งตนก็พยายามปลูกฝัง แนะนำ ส่งเสริมให้รุ่นลูกหลานได้สืบทอดศิลปวัฒนธรรมประเพณีนี้เพื่อให้คงอยู่ ไม่หายสาบสูนหายไปจากประเทศไทย และหากใครสนใจจะว่าจ้างวงกาหลอคระ “หมอขำ” ติดต่อได้ที่ บ้านเลขที่ 105 หมู่ 5 บ้านสระแก้ว ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โทร.086-2762262” นายขำ บุญเกิด หัวหน้าคณะวงกาหลอหมอขำ กล่าวทิ้งท้าย.
ภาพ/ข่าว ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช