- 12 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 12 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดนครพนมนัดพร้อมจำเลยในคดีของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ 56 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร พร้อมกับพวกรวม 11 คน ในหลายข้อหาต่างกรรมต่างวาระ มีอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โดยแยกสำนวนฟ้อง ในหมายนัดได้เรียกตัว นายสับ วาปี และ นางจันทร์ วาปี สองสามีภรรยาในคดีอาญา เลขที่ 290/61 รวม 5 ข้อหา (1)ซ่องโจร (2)ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3)ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (4)ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และ(5)เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์ คดีอาญาหมายเลข 331/61 ฟ้อง 3 ข้อหา (1)ซ่องโจร (2)ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (3)ร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดี ในการพิจารณาคดีอาญา และนางทองเรศ วงศ์ศรีชา คดีอาญาหมายเลข 356/61ฟ้อง 2 ข้อหา (1)ซ่องโจร (2)เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาลซึ่งความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
ซึ่งนางทองเรศเดินทางมาพร้อมกับญาติจากบ้านนาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม โดยเปิดเผยว่า ออกจากบ้านมาตั้งแต่ 08.00 น. วานหลานสาวขับรถยนต์มาส่ง เติมน้ำมันให้ 300 บาท เพราะฐานะทางบ้านยากจน เป็นหม้ายสามีเสียชีวิตตั้งแต่ลูกสองคนยังเล็ก สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นวิบากกรรม เพราะไม่เคยคิดว่าจะต้องตกเป็นจำเลยในคดีของนางจอมทรัพย์ แต่ยอมรับว่าวันเกิดเหตุ(11 มี.ค.2548) คนขับรถยนต์ชนนายเหลือ พ่อบำรุง ถึงแก่ความตายนั้นมีลักษณะเหมือนผู้ชาย ส่วนยี่ห้อหรือทะเบียนรถตนไม่เห็นจริงๆ ตนเข้ามาตอนที่นางจอมทรัพย์นั้นต้องโทษแล้ว คือนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ เพื่อนบ้านที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ บอกกับศาลว่ามีตนซ้อนท้ายก็เห็นคนขับรถยนต์เป็นชาย จึงมีชื่อปรากฏว่าเป็นพยานบุคคลฝ่ายผู้ร้องในวันรื้อฟื้นคดี เมื่อวันที่ 8-10 ก.พ.60 ที่ผ่านมา ก็เบิกความต่อศาลตามความสัตย์ซื่อ กระทั่งวันที่ 17 พ.ย.60 ศาลฯพิจารณายกคำร้อง ตนจึงตกเป็นผู้ต้องหาร่วม วันที่ประกันตัวก็ยืมเงินหลานมา 10,000 บาท ซื้อกรมธรรม์ประกันตัวออกไป และมีคนมาบอกให้ตนรับสารภาพว่าอยู่ในขบวนการปั้นแพะ แต่ไม่ยอมรับเพราะไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น พร้อมที่จะพูดในสิ่งที่ตนเห็นเท่านั้นคือเห็นคนขับรถยนต์คล้ายผู้ชายเดินลงมาจากประตูด้านขวา ก่อนจะรีบขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อศาลออกนั่งบัลลังก์ถามนางทองเรศว่ามีทนายมาด้วยหรือไม่ ก็ตอบว่าไม่มีศาลจึงจัดหาทนายขอแรง ได้นายเปรมศักดิ์ แสนคำ เป็นทนายความ ขณะที่นายนิรันดร์เดินทางมาพร้อมกับผู้รับมอบฉันทะจากทนายความยื่นหนังสือขอเลื่อนคดี เนื่องจากทนายติดว่าความอีกคดีหนึ่ง อัยการเห็นควรไม่คัดค้าน ซึ่งนายนิรันดร์ปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ศาลจึงขอหนังสือรับรองรายได้สุทธิในปัจจุบันมาแสดง ภายใน 15 วัน หากไม่มีจะต้องเปลี่ยนหลักประกันใหม่ เพราะในวันที่นายนิรันดร์ยื่นประกันตัวนั้นใช้ตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทางด้านนายสับและนางจันทร์เดินทางจากจังหวัดมุกดาหาร โดยมีนายนิกร วาปี อายุ 33 ปี ลูกชายเป็นนายประกัน ซึ่งนายสับกับนางจันทร์รับสารภาพ 2 ข้อหาคือ แจ้งความเท็จ,เบิกความอันเป็นเท็จฯ ส่วนอีก 3 ข้อหาปฏิเสธ จากนั้นศาลได้อ่านคดี เลื่อนไปประชุมคดีร่วมกับนางจอมทรัพย์ในวันที่ 12 มี.ค.61 เวลา 09.00 น. ซึ่งอัยการในฐานะโจทก์ได้ยื่นรายชื่อพยานบุคคลรวมทั้งสิ้น 53 ปาก ซึ่งศาลให้ส่งใบแถลงในวันที่ 7 มี.ค.61 ว่าพยานแต่ละคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลยเป็นรายๆอย่างไร เมื่อศาลลงบัลลังก์ทั้งหมดจึงเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยนายนิรันดร์กับนางทองเรศนั้นไม่ได้ทักทายพูดคุยกันแต่อย่างใด
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ นครพนม