- 11 ก.ย. 2561
โกจิเบอร์รี หรือ “เก๋ากี้” กับ 11 สรรพคุณที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย
โกจิเบอร์รี หรือเก๋ากี้ มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Chinese Wolfberry ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากประเทศจีน แต่ได้รับความนิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ที่มีอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก นั่นก็เพราะผลโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารและประโยชน์ด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ว่ากันว่าโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มีพลังในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มาทำลายเซลล์และชะลอความชราได้มากที่สุดในโลก
โกจิเบอร์รี หรือเก๋ากี้ มีด้วยกันหลายสายพันธุ์ ว่ากันว่ามีมากถึง 41 สายพันธุ์ ปลูกมากในทิเบต ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีความแตกต่างกัน การจะค้นหาโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) ที่มีคุณภาพเยี่ยมจึงต้องทำการวิเคราะห์วิจัยกันเป็นอย่างมาก เพื่อหาสายพันธุ์ที่ดีที่สุด และจากการวิจัยทำให้พบว่า ผลโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดในโลก โดยช่วยควบคุมน้ำตาลในเม็ดเลือดแดง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยชะลอความชรา เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ และยังมีสรรพคุณและประโยชน์อื่นๆของโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) อีกมากมาย ดังต่อไปนี้
11 สรรพคุณของโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) ประโยชน์ดูแลสุขภาพ
1. โกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มีสารอาหาร อาทิ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 บี 6 มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า โดยเป็นพืชที่มีวิตามินซีสูงเป็นอันดับสอง รองจากคามูเบอร์รี่ มีวิตามินอี มีแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ ได้แก่ เหล็ก สังกะสี ทองแดง แคลเซียม ซิลีเนียม ฟอสฟอรัส และเจอร์มาเนียม ฯลฯ
2. มีสารโพลีแซคคาไรด์ 4 ชนิด คือ LBP-1, LBP-2, LBP-3, LBP-4 ที่ช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมีหรือรังสีให้กลับสู่ปกติได้เร็วขึ้น ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอยู่ในภาวะสมดุล ช่วยปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินอยู่ในภาวะสมดุล
3. มีสารซิแซนทิน (Zeaxanthin) สูงถึง 162 มิลลิกรัม/100 กรัม ซึ่งถือว่าสูงกว่าสาหร่ายเกลียวทองถึง 5 เท่า จึงช่วยบำรุงสายตา และป้องกันแสงสีน้ำเงินที่ทำลายดวงตา ทำให้ผู้ที่มีอาการตาพร่ามัว เป็นต้อลม คืนสู่สภาพปกติ
4. มีสารเจอร์มาเนียม (Germanium) ที่อยู่ในสภาพอินทรีย์ หรือออร์แกนิคที่ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้โกจิเบอร์รี่ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เกิดการอักเสบ ปกป้องเซลล์จากความเสื่อม และป้องกันการเกิดเนื้องอกได้
5. มีสารเบต้า-ไซโตสเตอรอล (Beta-sitosterol) ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ ทั้งยังช่วยให้อสุจิแข็งแรง ลดอาการต่อมลูกหมากโต
6. มีสารบีเทน (Betaine) เป็นสารประกอบที่ตับใช้ผลิตโคลีน ช่วยป้องกันโรคตับ กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโต
7. มีสารไซเพอโรน (Cyperone) ทำให้หัวใจและความดันทำงานปกติ
8. มีสารไฟซาลิน (Physalin) มีฤทธิ์ช่วยกำจัดโรคลิวคีเมีย (Leukemia)
9. มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) สูง และมีประสิทธิภาพมากกว่าผักและผลไม้อื่นๆ ช่วยปกป้องและรักษาผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10. ช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะโกจิเบอร์รีช่วยเปลี่ยนอาหารที่กินเข้าไปให้เป็นพลังงานแทนไขมัน
11. โกจิเบอร์รีมีรสหวานจากกลูโคส และมีไฟเบอร์สูง จึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เราจึงไม่รู้สึกอยากกินจุบจิบ ส่วนไฟเบอร์ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ลดความอยากอาหารที่จะกินในมื้อต่อไป
สำหรับวิธีกินเก๋ากี้เพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งเก๋ากี้เป็นอาหารที่มีใยอาหารสูง จึงเหมาะรับประทานเพื่อควบคุมน้ำหนัก โดยวิธีรับประทานคือ นำเก๋ากี้อบแห้งไปแช่ในน้ำร้อน ดื่มน้ำที่ได้และรับประทานเนื้อไปด้วย ควรรับประทานก่อนอาหาร 30 นาที สามารถรับประทานก่อนอาหารมื้อไหนก็ได้แต่มื้อที่เหมาะสมที่สุดคือมื้อเช้า จะทำให้สดชื่น อยู่ท้องและไม่อ่อนเพลียในระหว่างวัน สำหรับการควบคุมน้ำหนักที่ดีควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังและการควบคุมมื้ออาหาร ลดของมัน ของทอดและอาหารที่มีน้ำตาลสูงลง จะได้ผลดียิ่งขึ้น
โดยสรรพคุณและประโยชน์ของโกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) ปกติแล้วคนจีนจะนิยมใส่โกจิเบอร์รีลงไปใส่ในชาหรือซุป แต่ทุกวันนี้เราจะเห็นโกจิเบอร์รีในแบบอบแห้งมากกว่าผลสด การกินจึงต้องนำไปแช่หรือผสมในอาหารที่เป็นน้ำ อย่างชา น้ำผลไม้ปั่น หรือจะกินเล่นๆ เป็นของว่าง ผสมกับสลัด โยเกิร์ต ขนมปัง ซีเรียล ก็ได้ตามความชอบ หรือจะดื่มน้ำโกจิเบอร์รีสำเร็จรูปก็ได้เช่นกัน
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า โกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) มีประโยชน์มากมายอย่างไร อย่าลืมไปหามาลองรับประทานกันดูนะครับ แต่การรับประทานก็ไม่ควรจะรับประทานติดต่อกันนานๆ ทุกอย่างควรเลือกทางสายกลาง คือรับประทานแต่พอดี และรับประทานไปสักระยะแล้วก็ควรจะหยุดพัก เพื่อให้ร่างกายได้ปรับความสมดุลบ้างนะครับ
ขอบคุณที่มา sukkaphap-d.com
เรียบเรียง / ชูชัย ดำรงสันติสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์