"คุณป้าขายพวงมาลัย วัย 63 ปี" นำเงินสวัสดิการแห่งรัฐใช้ประโยชน์ ลงทุนซื้อปุ๋ย-พันธุ์ผัก เสริมสร้างรายได้เพิ่ม

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 61 จากการสอบถามเกษตรกรโดย "นางอารีย์ ห่อบุตร" อายุ 63 ปีอยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 1 ต.นาตาล่วง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร ใช้ที่ดินจำนวน 2 ไร่ ซึ่งเคยปลูกยางพารา หันมาปลูกดอกมะลิกว่า 500 ต้นมานานกว่า 6 ปีแล้ว เพื่อร้อยพวงมาลัยส่งขายให้กับลูกค้าราคาพวงละ 10-15 บาท เผยรู้สึกดีใจที่รัฐบาลโอนเงินสวัสดิการแห่งรัฐให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยจำนวน 500 บาทเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ซึ่งตนไปเบิกเงินมาแล้วและนำเงินที่ได้ไปซื้อปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกเพิ่ม เพื่อให้เงินที่ได้เกิดประโยชน์มากที่สุด
 

 

โดย นางอารีย์ กล่าวว่า ตนยังติดตามผลงาน "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ทุกวัน ซึ่งสำหรับเงินที่ได้จากการขายพวงมาลัยวันละ 400-500 บาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท นำไปส่งเสียให้ลูกทั้งสามคนได้เรียนหนังสือ อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้รักษาตัวยามเจ็บป่วย ซึ่งดอกมะลิที่ปลูกปลอดภัยจากการใช้สารเคมี โดยเมื่อร้อยเป็นพวงมาลัยเสร็จแล้ว ก็จะขับรถจักรยานยนต์หาบไปขายในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร และขายหมดเกลี้ยงทุกวัน เพราะลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัย ดอกใหญ่และมีราคาถูกกว่าท้องตลาด
 

 

"ลูกค้าส่วนหนึ่งก็ต้องการจะช่วยซื้อเพราะป้าเดินหาบไปขายเกือบทุกวันโดยไม่มีใครคอยช่วย แต่ป้ายังโชคดีที่ไม่มีโรคประจำตัว จึงยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ"

 

 

ทั้งนี้ นางอารีย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า "ตัดสินใจปลูกดอกมะลิแทนการทำสวนยางพารามานาน 5-6 ปีแล้ว โดยเก็บดอกมะลิทำเป็นพวงมาลัยขายเองพวงละ 10-15 บาท แต่ละวันทำได้ประมาณ 50-60 พวง และขายหมดทุกวัน ส่วนเงินสวัสดิการแห่งรัฐไปเบิกมาแล้ว และนำไปซื้อปุ๋ยกับเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกเพิ่ม เพื่อเป็นการต่อยอดและขอบคุณที่รัฐบาลมอบเงินส่วนนี้มาให้ เพราะตนกำลังต้องการเงินส่วนนี้มาซื้อปุ๋ย รวมทั้งเมล็ดพันธุ์พืชผักต่างๆ"