- 22 ก.พ. 2562
กลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี บุกอำเภอสอยดาวและศาลากลาง จ.จันทบุรี รวมตัวจี้กระทรวงพาณิชย์ให้ทบทวนเรื่องอนุญาตนำมันสำประหลังเขมรและลาวเข้าได้จังหวัดละ 1 - 2 ด่านตลอดแนวชายแดน ระบุสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ประกอบการค้าชายแดนกับคนตามแนวชายแดนที่รับจ้างบรรทุกพืชไร่ และเป็นคำสั่งที่ทำไม่ได้จริง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของกฎระเบียบกัมพูชา และอื่น ๆ อีกสารพัด
เวลา 09.00 น. วันที่ 22 ก.พ. 62 ที่หน้าว่าการอำเภอสอยดาว จ.จันทบุรี กลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี กว่า 20 คน นำโดยนายสมบัติ จึงตระกูล และ น.ส.กนกพร จึงตระกูล รวมกันถือป้ายระบุข้อความว่า “วิถีคนชายแดน ปิดจุดผ่อนปรนจะให้ผู้ค้ารายย่อยไปหากินที่ไหน” และ “มตินำเข้ามันเฉพาะด่าน หนุนนายทุนทอดทิ้งรายย่อย” รวมทั้งข้อความอื่น ๆ ซึ่งมีเนื้อหาขอความเป็นธรรมเรื่องการที่รัฐบาลจะให้มีการนำเข้ามันสำประหลังจากประเทศเพื่อนบ้านได้จังหวัดละ 1 – 2 ด่าน จากที่ให้นำเข้าได้เสรีทุกด่านชายแดน หลังจากกลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี ได้แสดงป้ายข้อความดังกล่าวให้ผู้สัญจรผ่านบริเวณด้านหน้าที่ว่าการ อ.สอยดาว ได้เห็นแล้ว จึงได้เข้าไปพบนายสมทรง นิลยอง นายอำเภอสอยดาวบนที่ว่าการ อ.สอยดาว ระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่างระเบียบเตรียมให้ทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ติดประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง สปป.ลาว และกัมพูชา ให้นำเข้ามันประหลังจากประเทศเพื่อนบ้านได้จังหวัดละ 1 – 2 ด่าน จากเดิมที่เคยเปิดให้นำเข้าได้เสรีทุกด่าน เพื่อนำมันประหลังมาแปรรูปส่งออกไปยังต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันผลผลิตพืชชนิดนี้ของไทยไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการป้องกันโรคใบด่างที่อาจจะเกิดขึ้นจากการนำเข้าไทย แต่เป็นเหตุผลที่ไม่สอดคล้องกับด่านตรวจพืช จ.จันทบุรี และสำนักงานเกษตร จ.จันทบุรี ที่ยืนยันว่าไม่เคยมีโรคนี้เกิดขึ้นใน จ.จันทบุรี หรือจากการนำเข้ามันสำประหลัง หลังจากบอกเดือดร้อนต่อนาย อ.สอยดาว แล้ว กลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี ได้ยื่นหนังสือที่มีเนื้อหาให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวนเรื่องนี้ ผ่านนายอำเภอสอยดาวเพื่อดำเนินการต่อไป
ต่อมาเวลา 11.00 น. กลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี ได้รวมตัวกันมายังศาลากลาง จ.จันทบุรี แสดงป้ายระบุความเดือดร้อนให้ผู้ผ่านไปมาได้เห็น ก่อนจะเข้าไปพบนายวิทูรัช ศรีนาม ผวจ.จันทบุรี ภายในศาลากลาง จ.จันทบุรี โดยนายวิทูรัชได้เรียกให้กลุ่มผู้ประกอบการทั้งหมดเข้าไปยังห้องประชุมภายในศาลากลาง สอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น ทราบว่า การรวมตัวครั้งนี้เป็นผลมาจากการเตรียมการของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะให้นำเข้ามันประหลังได้เฉพาะด่านในแต่ละจังหวัดตลอดแนวไทยแดนไทย กัมพูชา และ สปป. ลาว โดย จ.จันทบุรี จากเดิมสามารถรับซื้อมันสำประหลังของกัมพูชาเข้ามาได้ทุกช่องผ่านแดน ทั้งจุดผ่านแดนถาวรทั้ง 2 แห่งใน อ.โป่งน้ำร้อน และจุดผ่อนปรนอีก 2 แห่งใน อ.สอยดาว แต่อีกไม่นานจากนี้ไปจะสามารถนำเข้ามันสำประหลังได้เฉพาะเพียงด่านถาวรไทย กัมพูชา หมู่บ้านผักกาด หมู่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน เพียง 1 ด่อนเท่านั้น ซึ่งผู้ประกอบการค้าชายแดนไม่สามารถทำตามได้ และต้องการให้เปิดนำเข้าได้เสรีเหมือนเดิม เนื่องจากทางการกัมพูชาอนุญาตให้รถบรรทุกพืชไทยที่เข้าไปบรรทุกพืชไร่กัมพูชา เข้าไปได้ไม่เกิน 30 กม.จากแนวชายแดนไทย กัมพูชาเท่านั้น รวมทั้งปริมาณสำประหลังที่มีมากสุดในกระกัมพูชาอยู่ใน จ.พระตะบอง จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับ อ.สอยดาว
การให้ผู้ประกอบการค้ารับซื้อมันสำประหลังจาก จ.พระตะบอง แล้วบรรทุกไปออกยังจุดผ่านแดนถาวรไทย กัมพูชา หมู่บ้านผักกาด ใน อ.โป่งน้ำร้อน ไม่เพียงมีระยะทางนับร้อย กม. รวมผู้ประกอบการค้าชายแดนไทยยังต้องชำระภาษีค่าสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ชำระเพียงแค่ใน จ.พระตะบอง เนื่องในประเทศกัมพูชาเรียกเก็บภาษีสินค้าที่รถบรรทุกสินค้าวิ่งผ่าน ทุกจังหวัดของกัมพูชา และจุดผ่านแดนถาวรไทย กัมพูชา บ้านผักกาดก็มีพื้นที่ติดกับ จ.ไพลิน รวมทั้งบางช่วงของเส้นทางที่บรรทุกมันสำประหลังมาออกยังจุดผ่านแดนถาวรฯ หมู่บ้านผักกาด ยังเป็นอันตรายตามสภาพถนนในประเทศกัมพูชาอีกด้วย ไม่นับปัญหาต้นทุนในการรับซื้อที่สูงขึ้น ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อผู้มีอาชีพรับจ้างบรรทุกพืชไร่จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทย ปัญหาความซบเซาของการค้าชายแดนที่จะตามมาและปัญหาอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง
-ภายหลังการเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ทบทวนเรื่องนี้ กลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย กัมพูชา จ.จันทบุรี ได้ยื่นหนังสือผ่าน ผวจ.ไปยังกระทรวงพาณิชย์ โดย ผวจ.ระบุว่า จะส่งเรื่องนี้ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาต่อไป.