- 18 ส.ค. 2559
รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th
“สารทจีน” หรือเทศกาล “จงหยวนเจี๋ย” ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี เทศกาลนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เทศกาลผี” เนื่องจากตามประเพณีความเชื่อทางจันทรคติ เดือน 7 ถือเป็น “เดือนปล่อยผี” ที่พญายมราชจะเปิดประตูนรกให้เหล่าวิญญาณได้กลับมาเยี่ยมเยือนโลกมนุษย์ได้ และเชื่อกันว่า วันสารทจีนจะเป็นวันที่ประตูผีเปิดกว้างที่สุด
ที่น่าสนใจก็คือ ชาวจีนยังคงเชื่อว่า การบำเพ็ญกุศลในช่วงเทศกาลสารทจีนจะส่งผลให้บรรพบุรุษที่กำลังเสวยเคราะห์กรรมในโลกวิญญาณหลุดพ้นจากทุคติได้ ดังจะเห็นได้จากเรื่อง “พระโมคคัลลานะช่วยแม่พ้นนรก” ในคัมภีร์ “อุลลัมพนสูตร” (อ่านว่า อุน-ลัม-พะ-นะ-สูด) ของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งเป็นที่มาของการทำบุญและไหว้เจ้าในเทศกาลสารทจีน คัมภีร์ดังกล่าวบอกเล่าเรื่องราวของ “มู่เหลียน” หรือที่รู้จักกันในนาม “พระโมคคัลลานะ” อัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี พระโมคคัลลานะเถระ ผู้บรรลุซึ่งธรรม บารมี 6มีปณิธานอันแรงกล้า ปรารถนาจักทดแทนพระคุณบุพการีชน ดั่งนี้แล้ว จึ่งได้เพ่งมองโลกด้วยอภิญญาญาณ และแจ้งว่า
.......บัดนี้ผู้เป็นมารดาแห่งตนได้ไปถืออุบัติอยู่ ณ ท่ามกลางดวงวิญญาณ หิวกระหาย ไม่มีทั้งน้ำ และอาหาร ทั่วสรรพางค์กายปรากฏเพียงหนังหุ้มกระดูก ได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก พระโมคคัลลานะ จึงนำผลาหารบรรจุเต็มบาตรเพื่อนำไปโปรด
ดวงวิญญาณของมารดา ทันทีที่นางรับบาตรไป ก็ลูบคลำด้วย มืออันอ่อนแรง มือขวากอบคำข้าวเพื่อหวังจะบริโภค แต่ในบัดดล ยังมิทันที่อาหารจะล่วงเข้าสู่ปากของนาง ก็กลับกลาย เป็นถ่านเพลิงเผาไหม้ทุกคราไป ยังความสลดสังเวชแก่พระโมคคัลลานะ เป็นที่ยิ่ง ด้วยเหตุนี้แล้ว พระโมคคัลลานะจึงกลับไปสู่ ณ. พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถึงการณ์ทั้งปวงให้พระพุทธองค์ทรงทราบ
สมเด็จพระศาสดาได้มีพุทธดำรัสว่า.....
"ดูกรโมคคัลลานะ โดยเหตุที่มารดาของท่านสั่งสมซึ่งอกุศลกรรมเป็นเนืองนิตย์ อาศัยกำลัง(บุญกุศล)แห่งตน(พระโมคคัลลานะ) แต่เพียงลำพัง มิอาจบรรเทาอกุศลกรรมนั้นได้ ถึงแม้ว่าอำนาจแห่งความกตัญญูต่อบุพพการีชนของท่านจะสะเทือนถึงสวรรค์ โลกมนุษย์ ปีศาจ มารร้าย หรือแม้แต่พรหมโลกและจตุโลกบาลก็ตามยังมีแต่พลานุภาพแห่งที่ประชุมพระอริยสงฆ์สาวก ผู้มาจากทิศทั้งสิบ จึงสามารถปลดเปลื้องทุกข์แห่งมารดาท่านได้ บัดนี้พระตถาคตจักแสดงธรรมอันเป็นเครื่องปลดเปลื้อง ความขัดข้อง ความทุกข์ และอกุศลมูลทั้งหลายลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงมีดำรัสต่อพระมหาโมคคัลลานะว่า
"ในวันเพ็ญ กลางเดือนเจ็ด อันเป็นวาระแห่งวันปวารณาของพระสงฆ์ทั่วทั้งทศทิศ เพื่ออานิสงค์อันพึงจักสำเร็จแก่บุพพการีชน ทั่วถึง 7 ชั่วอายุ โมคคัลลานะ !! เธอจงจัดเตรียมภาชนะอันบริสุทธิ์อุดมด้วยผลาหาร ภักษาหารทั้ง 100 อย่าง ผลไม้ทั้ง 5 กับสิ่งสักการะบรรดามี ประทีป ธูปเทียน ชวาลา อันเป็นเลิศทั้งปวง ถวายแด่หมู่สงฆ์ ผู้มาจากทิศทั้ง 10 หากสาธุชนใดพึงได้ถวายทานดั่งนี้แล้ว แด่ที่ประชุมมหาปวารณาสงฆ์ อานิสงค์อันประมาณมิได้ ย่อมบังเกิดแด่บุพพการีชนทั้งในปัจจุบัน ตลอดจนถึง 7 ชั่วอายุ แม้กระทั่งผู้อยู่ในคติทั้ง 6 (สวรรค์ มนุษย์ เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก)ท่านเหล่านั้นจักพ้นจากทุคติภูมิ ได้บังเกิด ณ สุคติภพ โภชนาหารกับทั้งพัสตราภรณ์อันประณีต จักบังเกิดแด่ท่านเหล่านั้น แม้ผู้ยังชนม์อยู่ย่อมจักเป็นผู้มั่งคั่ง จักเป็นผู้มีอายุยืน" แลบัดนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพุทธบรรหารแก่หมู่พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ให้ดำรงจิตแห่งตนมั่นคงอยู่ในสมาธิภาวะ แล้วจึงสังวัธยายมนตร์ อุทิศให้บุพพการีชนทั้งหลาย ครั้นแล้วหมู่สงฆ์ทั้งนั้นพึงรับ มตกภัตต่อเบื้องหน้าพุทธานุสติเจดีย์ในท่ามกลางหมู่สงฆ์
ทันใดนั้น มารดาแห่งพระมหาโมคคัลลานะก็ได้พ้นจากกัลป์แห่งเปรตภูมิ ด้วยกุศลนั้น พระมหาโมคคัลลานะ อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์เจ้าก็บังเกิดปีติในผลแห่งกุศลเป็นอันมาก
พระมหาโมคคัลลานะ ได้ประคองหัตถ์อัญชุลีต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า.......
"บัดนี้ มารดาของข้าพระองค์ ได้รับอานิสงค์อันไม่มีประมาณ ก็ด้วยอาศัยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย หากในกาลภายหน้า บรรดาพุทธสาวกทั้งหลายปรารถนาจักบำเพ็ญกุศลทานอุทิศให้แก่บุพพการีชน ดั่งนี้บ้าง บรรพชนทั้งหลายกับผู้ล่วงลับทั้ง 7 ชั่วอายุนั้น จักได้รับอานิสงค์ดุจเช่นนี้หรือไม่พระพุทธเจ้าข้า"
พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก จึงมีพุทธดำรัสตอบว่า...
"ประเสริฐแล้ว สิ่งที่เธอกล่าวนั้นชอบแล้ว หากในภายภาคเบื้องหน้า สาธุชนทั้งหลายอันมีภิกษุ ภิกษุณี กษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารทุกชนชั้นกับทั้งสามัญชนทั้งปวงปรารถนาที่จักบำเพ็ญ กุศลทานอุทิศแด่บุพพการีชน ผู้ให้กำเนิดแล้วไซร้ ในวันเพ็ญกลางเดือน 7 อันเป็นวันมหาปวารณาสงฆ์ เธอทั้งหลายพึงถวายโภชนาหาร กับทั้งของบริวารทั้งปวงแด่หมู่สงฆ์ผู้มาทิศทั้ง 10 แล้วตั้งใจอุทิศส่วนแห่งบุญนั้น แด่บุพพการีชน ผู้ให้กำเนิดกับทั้งผู้ล่วงลับทั้ง 7 ชั่วอายุ ให้ได้รับอานิสงส์เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมจักเป็นผู้พ้นจากทุคติภพ ได้บังเกิดในท่ามกลางสุคติภูมิ ได้เสวยผลบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พุทธสาวกทั้งหลาย ผู้มีมนสิการมั่นคงอยู่ในกตัญญุตธรรม ระลึกถึง คุณแห่งบุพพการีชน มีคุณบิดา มารดา” เมื่อได้สดับฟังพระธรรมของพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล้ว พระมหาโมคัลลานะพร้อมด้วยพุทธบริษัท 4 ต่างปีติยินดีในธรรม และน้อมรับไปปฏิบัติโดยทั่วกัน
ดังนั้น คนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ จึงตระเตรียมเครื่องเซ่นไหว้ไว้อย่างพร้อมสรรพ ทั้งสำรับคาวหวาน ธูป เทียน กระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ เพื่อกราบไหว้ญาติพี่น้องและบรรพบุรุษที่มาจากยมโลก โดยเฉพาะถ้าเป็นบ้านที่เพิ่งมีผู้ล่วงลับ จะมีธรรมเนียมไปทำพิธีบูชาที่หลุมฝังศพด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเซ่นไหว้ "พวกผีไร้ญาติ" ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความอบอุ่นและมิตรไมตรีของเหล่ามนุษย์
จึงเกิดเป็นประเพณีการทำบุญในวัน 15 ค่ำกลางเดือน 7 ของทุกปี และกลายเป็นเทศกาลสำคัญประจำปีของชาวจีนในที่สุด