มะ อะ อุ มา นิ มา มา..นำลาภผลมาให้เรา มารักเรา..มาซิมามา..รกแมว "หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู"ของขลังที่สัตวให้มา ให้โชคลาภ ก้าวหน้าการงาน

รกแมว เป็นของขลังชนิดพิเศษที่ไว้เรียกโชคลาภเงินทองขั้นสูง หากินคล่อง ไม่ติดขัด เจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน รกแมวมหาลาภ เหมาะแก่ผู้ที่ชอบเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง การได้โชคดี ได้ลาภลอย ตลอดจนการทำธุรกิจให้เจริญรุ่งเรืองมีทรัพย์สมบัติเพิ่มพูน ได้ลาภอย่างไม่คาดคิดตลอด โดยให้เก็บไว้ในที่เก็บเงินทอง หรือพกติดตัว

เป็น "ของมหัศจรรย์" ประเภทหนึ่ง ที่จัดอยู่ในประเภท "ของขลัง" ที่เกิดขึ้นตาม "ธรรมชาติ" จากสัตว์ (กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้าง หรือ ประดิษฐ์ ขึ้นมา) ซึ่งคนโบราณ หรือ ผู้เฒ่าผู้แก่เชื่อกันว่า ผู้ใดได้ครอบครอง หรือ พกพา "รกแมว" ไว้ จะบันดาลโชคลาภขั้นสูง เรียกโชค เรียกลาภ และยังสามารถเร่งโชค เร่งลาภ เข้ามาสู่ตัวผู้ครอบครอง หรือ ผู้พกพาอย่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนัก มี ไว้ไม่มีคำว่า "จน" เงินทองจะไหลมาเทมาเป็นระยะๆๆๆ ไม่ขาดสาย

 รกแมวเป็นของหายาก เพราะแมวทุกประเภทเวลาออกลูกมันจะหลบลี้หนีไปหาที่ที่ปลอดภัยออกลูก จะไม่ค่อยได้เจอ (จะเจอก็จนกว่าแม่แมวออกลูกแมวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้อนี้ ผู้เลี้ยงแมวจะทราบเป็นอย่างดี) และเมื่อแม่แมวออกลูกแมวมาแล้วแม่แมวจะต้องกินรกของมันเองจนหมด เพื่อเป็นอาหารบำรุงกำลัง ตอนมันออกลูกแมว ซึ่งมันเสียเลือดเป็นอย่างมาก จะไม่ค่อยได้เจอรกแมวเลย จะเจอได้ต่อเมื่อแม่แมวให้รกแก่เจ้าของเองโดยตามธรรมชาติ ไม่ใช่ทำกันเล่นๆๆ

 โบราณท่านถือ ว่า แม่แมวจะให้โชคลาภแก่ผู้ที่พกพา "รกแมว" อันนี้ ผู้ที่ทำมาหากินไม่คล่อง โชคลาภไม่ค่อยมี การงานตกต่ำ ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นหนี้เป็นสิน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ควรมีไว้พกพาติดตัวอย่างยิ่ง หรือ ใส่ไว้ในกระเป๋าเงินไว้เสมอๆ เงินทองจะไหลมาเทมาเป็นระยะๆๆ หมดแล้วก็จะมีมาใหม่ได้เอง อย่างมหัศจรรย์ ดวงที่เคยตกต่ำย่อมถูกหนุนให้สูงขึ้น เหตุการณ์จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

หลวงปู่คำบุ

เปรียบเสมือนเวลาลูกแมวหิว อาหารจากแม่แมวย่อมส่งต่อมาให้ลูกแมวทาง "สายรก" เองอย่างอัตโนมัติ และยังพกพาไว้ปกป้อง คุ้มครอง ป้องกัน และแก้คุณไสย รวมทั้งสิ่งไม่ดีที่มองไม่เห็นทุกประเภท ที่ตามมารังควาญราวีกับเราโดยเราไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งเป็นผลทำให้ดวงของเราต้องตกต่ำ หน้าตาหมองคล้ำ ริมฝีดำ สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว สมาธิสั้น ใจชอบสั่นหวิวๆๆ ตลอดเวลา เหมือนคนโดน "ของเข้า" ซึ่ง "รกแมว" สามารถช่วยเหลือท่านได้ในเรื่องพวกนี้ เปรียบเสมือนมี "รก" มาแผ่กางกั้นออกมาห่อหุ้มร่างกายเราไว้ ในยามเมื่ออยู่ใน "ครรภ์ของมารดา" ซึ่งจะปกป้อง คุ้มครอง และป้องกันเราไว้ไม่ให้เป็นอันตราย ไม่ให้เราถูกกระทบกระแทก หรือ ถูกกระทบกระเทือน ต่อสิ่งชั่วร้ายใดๆ ทุกประเภท ฉันใดก็ฉันนั้น

 จึงถือเป็นของมหัศจรรย์ "ชนิดพิเศษ" ที่มีอานุภาพแรงมากๆ มีประสบการณ์โชกโชน จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากให้ตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญเติบโตก้าวหน้า หรือ ผู้ที่มีใจใฝ่ทางด้านการเสี่ยงโชคลาภทุกชนิด ควรมีไว้บูชาพกพาติดตัวไว้เป็นอย่างเนืองนิจ ทั้งผู้ที่นิยม และศรัทธา รวมไปถึงผู้นำ นักการเมือง นักการปกครอง ผู้บังคับบัญชา หรือ นักบริหารทุกระดับชั้น ข้าราชการทุกตำแหน่ง ทุกประเภทไม่ว่าชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย นายทหารทุกเหล่าทัพตำรวจ ครูบาอาจารย์ นักพูด นักขาย (ที่ต้องหายอดลูกค้า) นักเดินทางรอบโลก นักเจรจา ดารา นักร้อง นักแสดง เด็กเสี่ย ผู้ที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นทุกประเภท นักกีฬาทุกประเภท นักทำมาหากินทุกอาชีพ มนุษย์เงินเดือน ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ผู้ที่ต้องแข่งขันกับผู้อื่น ไม่ว่าทั้งโดยตรง หรือโดยอ้อม ผู้มีอิทธิพล ผู้ที่มีศัตรูมากคอยจ้องคิดจะทำร้ายเราอยู่เสมอๆพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนทั่วไป ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโต วัดกุดชมภู

ท่านเป็นอริยสงฆ์สายเดียวกับ หลวงปู่ญาท่านสวน อุบลราชธานี (เป็นศิษย์ผู้น้อง) วัตถุมงคลของหลวงปู่คำบุ ต่างมากด้วยประสบการณ์ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้าน และลูกศิษย์ รวมถึงผู้ใกล้ชิดมานานแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าวัตถุมงคลของท่านเริ่มมีจัดสร้างพร้อมๆ กันกับหลวงปู่ญาท่านสวนเลยทีเดียว จึงทำให้ท่านเป็นที่รู้จักจากประชาชนทั่วประเทศ และโด่งดังขจรไปไกลยังต่างประเทศ ทั้งยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย อาจด้วยบารมี และประสบการณ์ในวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงปู่ที่ปลุกเสกได้อย่างเข้มขลัง จนทำให้นิตยสารพระเครื่องหลายเล่มได้นำประวัติ รวมถึงวัตถุมงคลของท่านมาตีพิมพ์ อาทิเช่น นิตยสารพระใหม่ นิตยสารอภินิหาร นิตยสารนะโม นิตยสารดัชนีพระเครื่อง ปัจจุบันได้ลง นิตยสารพระเกจิ และนิตยสาร เอกคัมภีร์ เพิ่มอีกสำนัก (ไม่รวมหนังสือพิมพ์) ฯลฯ เป็นต้น

หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต เป็นพระสงฆ์ที่เล่าขานกันว่ามีพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของ พระครูวิโรจน์รัตโนบล (หลวง ปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง ท่านถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๕ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสา และนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๖ คน กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังบวชท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี และได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง

รกแมว

อุปนิสัยของสามเณรคำบุ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ จึงมีโอกาสได้พบกับ พระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้ เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่รอด นันตโร แห่งวัดทุ่งศรีเมือง ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์รอดจึงได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่รอดจวบจนท่านได้ มรณภาพลง พระอาจารย์รอดก็กลับมาพำนักพักที่วัดบ้านม่วงตามเดิม กล่าวสำหรับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมแก่กล้า พระอาจารย์รอดเป็นคนบ้านเดียวกันกับสามเณรคำบุ (สมัยบวชเณร) จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อน ด้วยความที่สามเณรคำบุเป็นผู้มีนิสัยสงบเรียบร้อย ใจเย็นมีเหตุมีผล เหตุนี้เองพระอาจารย์รอด จึงได้ถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่สามเณรคำบุตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จวบจนถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จึงอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ได้รับฉายาว่า"คุตตจิตโต" มีพระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์

ครั้นบวชเป็นพระแล้ว ท่านยังคงแวะเวียนไปร่ำเรียนสรรพวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์รอด ที่วัดบ้านม่วง อยู่เป็นประจำ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐาน และวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความชำนาญด้านพระคาถาต่างๆ หลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดกุดชมภู จนมรณภาพ ในวัย ๙๑ ปี

พระคาถาน้องแมว

นะโม ๓ จบ แล้วว่า มะ อะ อุ มา นิ มา มา มาซื้อของเรา นำลาภผลมาให้เรา มารักเรา มาหาเรา มาซิมามา (๙ จบ) แล้วตั้งจิตระลึกถึงคุณของหลวงปู่คำบุ และครูบาอาจารย์ แล้วอธิษฐาน

ตะกรุดรกแมว

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

http://www.utdid.com/

http://www.barameepra.net/

เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา