- 05 พ.ค. 2560
รายต่อไปอาจเป็นคุณ?? เตือน!! 8 อาชีพเสี่ยงตกงาน ผลพวงโลกเทคโนโลยีครอบครองประเทศ!! ใครไม่อยากเตะฝุ่นเช็คด่วน!!?? (รายละเอียด)
จากกรณี รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ชูนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้า และภาคบริการของประเทศ โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อยกระดับเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในปี 2579 นั้น
เว็ปไซต์เศรษฐกิจ ชื่อดังอย่าง “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีการเปิดเผยข้อมูลโดย นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาห กรรมไทย หรืออีคอนไทยเปิดเผยว่า อีคอนไทยได้ประเมินในเบื้องต้นพบมี 8 อาชีพเสี่ยงตกงานจากเทคโนโลยี 4.0 ในอนาคตหากไม่มีปรับเปลี่ยนองค์กรให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ ได้แก่
1. พนักงานขายปลีกหน้าร้าน, ในห้างโมเดิร์นเทรด ต่างๆ และพนักงานขายตรง
2. พนักงานโรงแรม
3. พนักงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเงิน
4. แรง งานในอุตสาหกรรม
5. แรงงานในภาคโลจิสติกส์
6. บุรุษพยาบาลดูแลคนสูงวัยหรือผู้ป่วย
7. คนขับรถยนต์ทั้งรถยนต์และรถบรรทุก
8.เคาน์เตอร์ เซอร์วิส ในภาคธุรกิจต่างๆ
“ในข้อเท็จจริงมีมากกว่า 8 อาชีพที่มีความเสี่ยงเพราะเราแค่ยกตัวอย่าง โดยที่มีความเสี่ยงนอกเหนือจากนี้ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น ซึ่งคิด
เป็นสัดส่วน 80% ของมูลค่าการส่งออกของไทยที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในยุค 2.0-2.5 ซึ่งในสัดส่วน 80% นี้มี 25% มีความเปราะบางมากเพราะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีมากนัก ทำให้กระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน เห็นได้จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ จะติดลบต่อเนื่อง รวมมีมากกว่า 10 อุตสาหกรรม เช่น สิ่งทอ รองเท้า ผ้าผืน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องหนัง หัตถอุตสาห กรรม เครื่องไมโครเวฟ และ สื่อสิ่งพิมพ์ ในอุตสาหกรรมเหล่านี้หากไม่มีการปรับตัวโอกาสคนจะตกงานมากขึ้น”
ทั้งนี้ในช่วงรอยต่อยุค 4.0 นี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปภาคแรงงานให้ก้าวผ่านไปสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น
โดยเรื่องแรกต้องส่งเสริมค่านิยมเรียนสายอาชีวะ เพราะเป็นที่ต้องการ และเป็นแรงงานสำคัญ เรื่องที่ 2 ภาคแรงงานของไทยจากผู้มีงานทำ 37.4 ล้านคน มีแรงงานอายุ 49 ปีขึ้นไป อยู่ในระบบมากถึง 46% และในสัดส่วนดังกล่าว พบว่า 50.5% มีการศึกษาไม่เกินระดับประถม ในจำนวนนี้แรงงาน 1.2 ล้านคน ไม่มีการศึกษา ประเด็นนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษว่าจะพัฒนาอย่างไร จะไปวางไว้ตรงไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ