- 29 ก.ค. 2560
เผยตัวละครใหม่!! “พยานโจทก์ปากที่ 3” พบสารวัตรตามไปถึงเรือนจำ เบิกความเท็จเพื่อแลกลดโทษ #ก๊วน 8 ตำรวจยัดยา ปล้นทรัพย์
"ทนายตั้ม"ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้มีการเข้าช่วยเหลือ สองสามีภรรยาเป็นแค่พ่อค้าแม่ค้าขายลูกชิ้นคู่หนึ่งชาวแม่กลอง ถูกจับกุมในคดีค้ายาเสพติด เเละได้ติดตามกระชากโฉมหน้า ก๊วน 8 ตำรวจยัดยา ปล้นทรัพย์ นั้น ควาบคืบหน้าก่อนหน้าก๊วนตำรวจถึงขั้นจัดฉาก เนื่องจากเเพ้คดีไม่ได้ ซึ่งต้องถูกออกจากราชการ จึงทำทุกวิถีทางให้เหยื่อติดคุก เเละความคืบหน้าล่าสุดนั้น เผยตัวละครใหม่ พยานโจทก์ปากที่ 3 "ทนายตั้ม" ได้เผยว่า
อ่านข่าวก่อนหน้า
http://www.tnews.co.th/contents/341859 ถึงขั้นจัดฉาก !!ก๊วนตำรวจเเพ้คดีไม่ได้ ซึ่งต้องถูกออกจากราชการ จึงทำทุกวิถีทางให้เหยื่อติดคุก #ก๊วน 8 ตำรวจยัดยา ปล้นทรัพย์
เมื่อถึงคิวนายกันต์ พยานโจทก์ปากที่ 3 เมื่ออัยการโจทก์เริ่มถามให้นายกันต์เล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้น ผมก็พอจะเดาออกว่าจะเบิกความยังไง แต่ที่ผมต้องตั้งใจฟังและดูเป็นพิเศษเพราะผมต้องดู ลักษณะ ท่าทาง บุคลิก และต้องพยายามเดานิสัยใจคอ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ผมถามค้านจะได้ใช้คำถาม และน้ำเสียงให้เหมาะกับ สถานการณ์ จากที่สังเกตุนายกันต์เป็นคนพูดน้อย แลไม่ค่อยมั่นใจในการตอบเท่าไหร่ และลึกๆเหมือนกับรู้ว่าเค้ากำลังทำผิด แสดงว่าเด็กคนนี้ ผมต้องถามคำถามกับเค้าดีๆ และต้องพูดถึงผิดชอบ ชั่วดี เพราะนายกันต์ไม่น่าจะเป็นคนที่รู้มาก หรือจิตใจเลวร้ายอะไร หนึ่งคำถามที่ทำให้ผมแน่ใจว่าเค้าน่าจะมีมโนธรรมลึกๆ และไม่อยากปรักปรำคนที่ไม่ได้ทำผิด ก็คือขณะที่โจทก์ให้ยืนยัน ว่าวันนั้นได้โทรไปติดต่อซื้อยาจากใคร (โจทก์ใช้คำถามนำ คือบอกชื่อไปเลยไม่ได้) นายกันต์ตอบเบาๆว่า นายxx ครับ ผมต้องพยายามเงี่ยหูฟังเพราะเบามาก โจทก์ตกใจถามย้ำไปว่า ไม่ใช่ๆวันนั่นน่ะคิดดูให้ดี เราโทรไปสั่งยาจากใคร นายกันต์ก็พูดชื่อเดิมมาอีก (ศาลไม่จดนะครับ) คือสรุปนายกันต์จำชื่อเล่นตูนไม่ได้ และนายxxนี่ล่ะคือคนที่โทรไปจริงๆ จนโจทก์ไม่รู้ทำไงถามนำก็ไม่ได้ ผมมองอยู่ตลอดเวลา เค้าเลยหยิบกระดาษแผ่นนึงที่มีชื่อนายตูนมา ก็คือเอกสารที่นายกันต์เซนหลังเกิดเหตุตอนอยู่ในเรือนจำนั่นล่ะ แล้วก็ชี้ไปที่ชื่อ ลองนึกดูอีกทีนะชื่อนี้รึเปล่า นายกันต์ก็ไม่พูดชื่อ แต่พยักหน้า คราวนี้ศาลจดบันทึกคือผมบอกก่อนนะครับ อย่าไปว่าอัยการโจทก์เจ้าของคดี ท่านทำหน้าที่ด้วยความตรงไปตรงมา ท่านยังเคยคุยกับผมเลยว่า ผมไม่ช่วยตำรวจนะ ผมพิจารณาตามสำนวน ตามหลักฐานที่พนักงานสอบสวนส่งมา และท่านก็ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรจริงๆ อัยการสายมืดไม่ใช่คนนี้ด้วย ผมเลยไม่อยากให้ด่าท่านหรือเหมารวมอัยการท่านอื่น
อ่อ มีเบื้องลึกอีกเรื่อง ผมเล่าข้ามไป ในช่วงที่ตำรวจ 8 คนมาเจรจากับผม มีคนนึงเคยหลุดมานะครับ ว่าจะให้อัยการท่านนี้ทำ โดยจะไปขอกับXXX และก็เป็นอย่างที่ตำรวจขอไป อัยการท่านนี้ทำทั้ง 2 สำนวน แต่ผมอยากจะบอกว่า ไหนๆจะเลือกดันเลือกผิดคน เพราะอัยการท่านนี้จากที่ผมเคยสัมผัส ท่านไม่ใช่คนที่ไม่ดี ท่านพิจารณาตามเรื่องที่ส่งมา และก็ไม่ปกป้องคนทำผิด ผมเดาว่าอาจจะมีการให้ดูคำเบิกความ หรือสำนวนบ้าง แต่ตรงนี้ผมไม่ซีเรียส คุณเตรียมคดีมา ผมก็เตรียมมาเหมือนกัน มาถึงตอนนี้หลายคนอาจจะสงสัย ว่าเค้ามีล็อคสำนวนกันได้เหรอ คนทั่วไปอาจจะช็อค แต่สำหรับผมเรื่องนี้มันมีมานานแล้ว ก่อนผมเป็นทนาย หรืออาจก่อนผมเกิดด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นนอกจากตำรวจร้อนตัวกันจะไปยังองค์กรอื่น เรากลับมาที่เรื่องคดีต่อดีกว่าครับ
เมื่อนายกันต์เบิกความตามที่ศาลจดบันทึก ก็เป็นในแบบที่เค้าต้องการ คือนายกันต์โทรสั่งยาจากนายตูน นายตูนไม่อยู่แต่เปิ้ลอยู่ เปิ้ลโดนจับเลยบอกให้ไปจับนายตูนต่อ (พอสำนวนไปศาลสูงก็จะเห็นแค่ตัวหนังสือในกระดาษ แต่ก็จะไม่เห็นท่าทาง อากัปกิริยา ของพยานแต่อย่างใด เป็นแบบนี้ทุกคดี แต่ศาลสูงส่วนมากท่านจะเป็นผู้มีประสบการณ์ เพราะท่านผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการสืบพยานในศาลชั้นต้นกันมาทุกคน) มาถึงคิวทนายจำเลยถามค้านแล้ว เริ่มแรกก่อนเลย ผมก็แนะนำ นี่พี่ทนายชื่อตั้มนะ น้องเคยได้ยินไหม โชคดีที่กันต์เหมือนเคยรู้จักผมมาก่อน กันต์จึงบอกว่าพอรู้จักครับ กันต์พี่อยากให้กันต์พูดความจริง ต่อหน้าศาล พี่รู้แล้วว่าเรื่องจริงๆทั้งหมดเป็นยังไง ถ้ากันต์โกหกศาลแล้วพี่จับได้ กันต์ก็อาจโดนคดีเบิกความเท็จได้นะ กันต์ออกจากคุกเมื่อไหร่นะ กันต์บอกว่าอีกปีกว่าครับ โอเคงั้นดี! กันต์พูดความจริงออกมา จะได้กลับไปอยู่กับครอบครัว เมื่อผมเห็นว่าบิ้วเริ่มได้แล้ว ก็เลยเริ่มถาม กันต์เริ่มเบิกความใหม่ แต่คราวนี้เป็นการเบิกความต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง ในส่วนตัวเปิ้ลกันต์ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ไม่เคยเล่นเฟซ หรือติดต่อกับตูน เปิ้ลมาก่อน กันต์ไม่เคยสั่งซื้อยาเสพติดกันตูน เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม วันเกิดเหตุ กันต์เห็นเปิ้ลถูกจับมาในห้องตอนบ่าย (กันต์โดนจับมาแต่เช้า) ในวันนั้นได้ยินว่าเปิ้ลพูดกับตำรวจว่า "ไม่มียาเสพติด ไม่ได้เกี่ยวข้อง และได้ยินนายตำรวจคนหนึ่งพูดว่า ยาเป็นของเปิ้ลให้รับ เปิ้ลบอกว่าหนูถูกยัด!"
กันต์เล่าต่อว่าวันที่ 18 เมษายน 2560 (ก่อนมาเบิกความคดีนี้ไม่กี่วัน วันเบิกความ 27 เมษายน 2560) มีสารวัตรชื่อป. 1 ใน 8 ก๊วนตำรวจนี้ เข้าไปหากันต์ในเรือนจำ หลายคนอาจจะสงสัยมีหน้าที่อะไร คดีกันต์ก็จบแล้ว ไปหาเพื่ออะไรกันอีก เพื่ออะไร? กันต์ได้ตอบต่อหน้าศาลว่า "เพื่อให้เบิกความปรักปรำเปิ้ลคือจำเลยในคดีนี้" มาถึงตรงนี้ศาล อัยการ เริ่มตกใจ ผมก็ตกใจแล้วคิดในใจว่า ทำกันขนาดนี้เลยเหรอเพื่อให้ตัวเองรอด ผมถามกันต์ต่อ กันต์ยอมรับตามเอกสารว่า สารวัตรคนเดิมไปเบิกความให้ตนได้ลดโทษในคดีที่กันต์เป็นจำเลย แล้วที่รับอาสามาเบิกความในศาลเป็นพยานโจทก์เพราะตอนแรกกลัวว่าตำรวจจะไม่ช่วยในคดีตนเอง เมื่อถามถึงเอกสารที่มีลายเซนต์กันต์ กันต์ตอบว่า มีตำรวจเอาไปให้เซนต์ ตำรวจได้พิมพ์ วางพล็อตเรื่องไว้หมดแล้ว มาถึงแค่ให้กันต์เซนต์เพียงเท่านี้ เพราะโดยปกติหากจะให้พยานให้การ พนักงานสอบสวนต้องเอาคอมพิวเตอร์ไปนั่งพิมพ์ที่ห้องเยี่ยม ถามแล้วให้พยานตอบ ตอบมาค่อยพิมพ์ อันนี้มันคือแนวทางที่ควรจะเป็น แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะซิ จะเพื่อความสะดวกหรือเพื่อความเนียน มันไม่ได้ทั้งนั้น มันผิด
นายกันต์เล่าต่อว่าวันถูกจับเจอนายตูนในห้องขังตอน 1 ทุ่ม นายกันต์เคยรู้จักนายตูนมาก่อน ตอนยังเป็นเยาวชน โดยนายตูนได้เล่าให้นายกันต์ฟังว่าถูกกลั่นแกล้งหลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอนายตูนและเปิ้ลอีกจนวันขึ้นศาล ตูน-เปิ้ลก็ไม่เคยขอให้เบิกความช่วยแต่อย่างใด เมื่อผมถามเสร็จ โจทก์ก็ลุกขึ้นมาถามติง แต่กันต์ก็ยังยืนยันว่า ไม่ได้อ่านก่อนลงลายมือชื่อ และพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้อ่านให้ฟัง!! ผมจะขอข้ามไปเล่าเรื่องที่ผมเกริ่นไว้ในหลายๆตอน เกี่ยวกับสิ่งที่กันต์ได้รับจากการที่ขัดใจระบบ คดีของกันต์ตัดสินไปนานแล้ว ให้ได้รับโทษถ้าผมจำไม่ผิดโทษจำคุกแค่ปีกว่าๆ ซึ่งมีการอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืน คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลชั้นต้น ตามหลักคดีประเภทนี้จะสิ้นสุดแค่ศาลอุทธรณ์ หากใครจะฎีกาต่อต้องทำเรื่องขออนุญาตจากศาล ซึ่งก็คงไม่มีใครทำอีกล่ะ เพราะจำเลยรับสารภาพ และก็ไม่ได้สู้คดีชนะ คือขึ้นศาลฎีกาก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงจะมีก็แค่ทำให้คดีไม่ถึงที่สุด
แล้วถ้าคดีไม่ถึงที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น??
โดยปกตินักโทษเด็ดขาดเค้าไม่ต้องการอะไรมากหรอกครับ ขอแค่คดีจบ ทำตัวดีๆ รอพระมหากรุณาธิคุณให้ได้ลดโทษ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันคือการได้รับอภัยโทษ คดีโทษน้อยก็อาจออกเลย ถ้าโทษเหลือมากก็ได้ลดโทษ กันต์ก็เช่นกัน กันต์รอคดีตัวเองถึงที่สุด แต่มีคนไม่อยากให้ถึงที่สุด คดีกันต์มีการขยายฎีกาออกไปเรื่อย จนล่าสุดผมไปเช็คดูมีการขยายไปถึง 4 สิงหาคม 2560 หมายความว่ายังไง หมายความว่าหากมีอภัยโทษในสิ้นเดือนกรกฎาคม กันต์ก็หมดสิทธิเพราะคดียังไม่ถึงที่สุด!! แม่ของกันต์ทั้งไลน์ ทั้งโทรมาหาผมหลายครั้ง ผมสงสารสุดหัวใจ หัวอกคนเป็นแม่ ลูกชดใช้กรรมแล้ว ก็อยากให้ลูกได้รับโอกาสจากสังคม ออกมาแล้วทำตัวเสียใหม่ เริ่มต้นใหม่ มีชีวิตใหม่ แต่เหมือนกับระบบยังไม่อนุญาติ ได้บ่นเรื่องนี้ไป เหมือนผมได้ระบายสิ่งที่ติดค้างในใจไปบ้างแล้ว ไหนๆรัฐบาลจะปฎิรูปแล้ว ช่วยปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมบ้างเลยดีไหม รอลุงตู่มาตอบ กลับมาที่เรื่องคดีต่อ พอสืบพยานปากนายกันต์เสร็จก็เหลืออีกปากของโจทก์ คือปากพนักงานสอบสวน ปากนี้ก็เบิกความตามเอกสารอยู่แล้ว จริงๆไม่มีประเด็นอะไรมาก แต่ผมดันมี! ผมหยิบบันทึกจับกุม และคำร้องขอฝากขังขึ้นมา ที่ผมเคยตั้งขอสังเกตุว่าเอกสาร 2 ใบนี้ข้อเท็จจริงต่างกัน บันทึกจับกุมบอกมีสายลับแจ้งว่า เปิ้ล-ตูน ชอบมาขายยาที่ปั้ม ตำรวจเลยขับไปดูเจอท่าทางมีพิรุธเลยจับ แต่คำร้องขอฝากขังดันไปพิมพ์ข้อเท็จจริงว่า ตำรวจออกตรวจพื้นที่ตามปกติ ไปเจอเปิ้ล-ตูน โดยบังเอิญ ทำท่าทางพิรุธก็เลยจับ ผมหยิบเอกสาร 2 ใบมาถามพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนอึ้งไปแปป แล้วก็รวบรวมความกล้าตอบออกมาว่า "พิมพ์ผิด" อะไรเนี่ย!! คดีนี้โทษจำคุก 4-20 ปีเลยนะ คุณมาบอกว่าพิมพ์ผิด แล้วแบบนี้ความมั่นใจของประชาชนจะหาได้จากไหน ฝากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงมาดูแลลูกน้องท่านด้วยนะครับ พนักงานสอบสวนยอมรับมาอีกว่า เอกสารที่นายกันต์เซ็นน่ะ ทำหลังจากจับกุมเปิ้ล-ตูน 2 เดือน และเมื่อผมถามอีกก็ตอบมาว่าเอกสารดังกล่าวสามารถให้นายกันต์เซ็นได้ตั้งแต่วันที่ 15-17 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่นายกันต์ถูกจับจนถึงวันไปฝากขังต่อศาล แต่ไม่ได้ให้เซ็น (ขอให้ทุกท่านพิจารณากันเอง) พนักงานสอบสวนยอมรับว่าแผนที่เกิดเหตุไม่มีลายเซ็นเปิ้ล-ตูน เพราะทั้งคู่ไม่สมัครใจ!! พนักงานสอบสวนไม่ได้ขอกล้องวงจรปิดในปั้มที่อ้างว่าเกิดเหตุ ไม่มีการส่งโทรศัพท์มาเป็นของกลางในคดี แต่ในส่วนคดีนายกันต์จะยึดโทรศัพท์หรือไม่จำไม่ได้ พนักงานสอบสวนยังรับอีกว่า ไม่ปรากฎสร้อยข้อมือ สร้อยคอพร้อมพระ ในบัญชีของกลาง ซึ่งเรื่องนี้อีกบัลลังค์นึงได้มีการซักร้อยเวรหนักมาก และท่านได้พูดว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยรอลงอาญานะ เอาไปคืนเค้าซะ ผมจะขอเล่าทีหลังนะครับ พอตอนหลังร้อยเวรเห็นท่าไม่ดีตอนอัยการถามติง เลยโบ้ยว่า เอกสารสารวัตรเป็นคนทำรวบรวมส่งให้ตน จบพยาน 4 ปากของโจทก์ ในตอนหน้าผมจะมาเล่าถึงพยานของจำเลยว่าให้การเรื่องอะไร ในประเด็นไหนบ้าง หากเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่าลืมแชร์กันด้วยนะครับ ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามครับ
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้น ขอให้ทุกท่านคอยติดตามกันต่อไปนะคะ
ขอบคุณ เฟสบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ