ขรก.ดีๆต้องมีอยู่!?! จ่าโอ๋ เปลี่ยนใจไม่ลาออก มีผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าช่วย...พร้อมได้ทนายส่วนตัวมา พูดถึงคดี!?! ฟังแล้วงานนี้สะเทือนนครบาล?!?

จากกรณีจ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด หรือ จ่าโอ๋ ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบพ.ต.ต.ชลากร ปานแดง และพ.ต.ต.เอกราช โอมาก สว.สส.สน.พหลโยธิน ใช้อำนาจหน้าที่สั่งการขอหักเงินเบี้ยเลี้ยงเพื่อซื้อเครื่องปรับอากาศติดตั้งในห้องสืบสวน สน.พหลโยธิน

       ต่อมาพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ออกมาเปิดเผยว่า โดยหลักการสามารถทำได้เป็นเพียงแค่การบริจาคธรรมดาเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้มีการไปหักเงินในบัญชีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาก็ดูกฎหมายในระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ว่าด้วยการครองตน การที่สร้างความแตกแยกในหมู่คณะถือเป็นข้อบกพร่องหรือไม่ การร้องเรียนก็ต้องผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ส่วนต้องสอบความผิดทางวินัยหรือไม่ ที่ไปร้องเรียนข้ามหน่วยงาน ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบว่าไปร้องเหมาะสมหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

       ล่าสุดจ่าสิบตำรวจ เลอศักดิ์ หรือ จ่าโอ๋  เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนได้ให้นายเดชา กิตติวิทยานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มาเป็นทนายความส่วนตัว และหากมีการตั้งคณะกรรมการ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี พร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้ทุกอย่าง ตนไม่มีความกังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้งใดๆ แต่ยังมีคำถามคาใจว่า ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า สิ่งที่ตนเสนอออกมาผิดจริงหรือไม่ หรือว่าสามมารถที่จะทำได้ แม้ว่าตอนนี้จะเหลือตัวคนเดียว ตนเองก็สู้คนเดียวมาตั้งแต่แรก กำลังใจจากเพื่อนอีก 10 คน ก็ยังให้ตนเหมือนเดิม ส่วนที่เพื่อนไม่ออกมาพูด ตนไม่ทราบว่ามีการถูกล็อบบี้ไว้หรือไม่

       “สำหรับกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ยื่นมือมาช่วยด้านคดี ยอมรับว่ามีการโทรศัพท์มาหาตนเพื่อพูดคุยกัน แต่ตนยังไม่ได้ตกลงตัดสินใจ และตอนนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่ หลายๆฝ่าย ติดต่อมาให้กำลังใจ และพร้อมที่จะช่วยเหลือตน หากสู้ไม่ไหว ท่านก็พร้อมที่จะช่วย โดยทางตนยังไม่พร้อมระบุว่ามีใครบ้าง สำหรับความรู้สึกตอนนี้ ยังไม่ตัดสินใจที่จะลาออกแบบเดิมแล้ว เพราะตนเองได้รับกำลังใจจากหลายฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่” จ.ส.ต. เลิอศักดิ์ กล่าว

        ขณะที่ นายเดชา เปิดเผยด้วยว่าได้รับการติดต่อจาก จ่าสิบตำรวจเลอศักดิ์  ให้มาช่วยดูแลด้านคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งจากการดูหลักฐานเบื้องต้นแล้ว ตนเองคิดว่ามีมูลพอที่จะฟ้องเป็นคดีอาญาทุจริตได้ ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตนก็จะดำเนินการร่างฟ้องคดีให้กับจ่าโอ๋ต่อไป เมื่อคดีถึงชั้นศาลแล้ว ศาลก็จะเรียกให้ตำรวจท่านอื่นๆ มาสอบถามเป็นพยาน ว่าทำไมจึงต้องนำเงินของตำรวจชั้นประทวนไปซื้อแอร์ ซึ่งถึงแม้ท่านอื่นๆจะเต็มใจจ่าย ก็ไม่เกี่ยวกับคดีของจ่าโอ๋ เพราะจ่าโอ๋ไม่ได้เต็มใจ

       “ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการหารเงินเพื่อซื้อแอร์ แต่เป็นเรื่องการใช้ตำแหน่งในฐานะผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำเงินมาให้ทั้งที่ไม่เต็มใจ ส่วนที่จะร่วมกันซื้อแอร์นั้นไม่เกี่ยวกับจ่าโอ๋ และถึงแม้ว่าตอนนี้เพื่อนตำรวจอีก 10 คน จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีแล้ว แต่จ่าโอ๋ก็ยังสู้ต่อ และต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด ตนเองจึงแนะนำให้ร้องเรียนไปยังศาลอาญาทุจริต เพราะเพียง 2-3 เดือน ก็จะรู้ผลตัดสินจากศาล โดยไม่ต้องไปผ่านกระบวนการใดๆ ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า ตนเองก็จะยื่นฟ้องต่อศาลตามพยานหลักฐานที่มีอยู่”

ขอบคุณ : อมรินทร์ทีวี