- 27 ส.ค. 2561
ความคืบหน้าคดี เสี่ยอ้วน ลงมือลั่นไกสังหาร น้องสปาย น้องฟอส ที่เขาชีจรรย์ ชลบุรี
จากคดีที่ ทางนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน พร้อมพวก เป็นผู้ต้องหาฆ่าน.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส อายุ 20 ปี ที่เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี ซึ่งหลังจากที่ ทางการไทยได้ดำเนินการ ประสานงานกับประเทศกัมพูชา เพื่อขอตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน ผู้ กลับมาดำเนินคดีในไทย ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อกลางดึกวันที่ 21 สิงหาคม เสี่ยอ้วน ได้มาถึงกรุงเทพฯเเล้ว เเละได้มีการนำตัวนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน ผู้ต้องหาที่บงการและลงมือสังหาร น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือน้องฟอส ไปชี้จุดเกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดต่างๆ โดยสาเหตุคดีสะเทือนขวัญดังกล่าว มาจากการที่ เสี่ยอ้วน มีความแค้น หลังจากทุ่มเทให้ฝ่ายหญิงแต่โดนตีจาก จึงทำให้ลงมือก่อเหตุ และหนีไป แต่ก็ถูกตามจับตัวกลับมาในที่สุด
ความคืบหน้า หลังจากที่ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว เสี่ยอ้วน ไปฝากขังที่ศาลพัทยา โดย เสี่ยอ้วน ได้เอ่ยปาก ขณะเดินไปขึ้นรถ เกี่ยวกับ การที่ตนเองโอนเงินให้ครอบครัวของน้องสปายเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท จนเกิดเป็นประเด็นต่างๆขึ้นมา ถึงเงินจำนวนดังกล่าว น่าจจะเป็นชนวนเหตุสำคัญในคดีนี้
เเละในส่วนของ น.ส.วันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของน้องสปาย ได้เปิดเผย เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 61 ว่า ที่สปายพาครอบครัวไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เพราะสปายทำงานมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน ส่วนกรณีโพสต์ของอั้ม เพื่อนคนสนิทของสปายและฟอส ที่ระบุว่าขอให้ทั้ง 2 คน เป็นคู่รักกันทุกชาติไป
ตนขอปฏิเสธว่าไม่ใช่คนรักกัน แต่ความหมายคือเป็นเพื่อนรักกันมากกว่า ภาษาการตีความแบบคนอีสาน คือเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้แปลว่าเขารักกัน เพราะทั้ง 2 คน เวลาไปไหนมาไหน ทำกิจกรรมก็จะทำร่วมกันมาตลอด และกรณีคลิปงานวันเกิดนั้น จากพฤติกรรมของฟอสที่อวยพรแล้วลูบหัวสปาย ก็ถือว่าปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลก เวลาดีใจหลังสปายประกวดอะไรชนะเลิศ ฟอสก็จะโอบกอด และลูบหัวเป็นปกติ
ส่วนการที่พ่อน้องสปายเปิดเผยว่า เคยเห็นความสัมพันธ์เกินเพื่อน ระหว่างฟอสและสปาย จึงได้ให้ทั้งคู่แยกกันอยู่ ตนขอยืนยันว่าการให้สัมภาษณ์ของพ่ออาจจะไม่ชัดเจน เพราะมีปัญหาด้านกล่องเสียง จึงอาจพูดไม่เคลียร์ แต่ตนยอมรับว่า ช่วงนั้นมีการแยกเด็ก 2 คนจริง เพราะเหตุที่ว่ามีการข่มขู่เกิดขึ้น ระหว่างสปายกับเสี่ยอ้วน เพราะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของฟอสและสปาย ดังนั้นขณะที่ 2 คน มาอยู่บ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ จึงให้แยกกันอยู่ เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น ประกอบกับทราบข่าวมาว่าฟอสจะไปต่างประเทศด้วย แต่การแยกกัน ไม่ใช่เพราะกีดกัน ขณะที่กระแสสังคม มองว่าฟอสมีส่วนช่วยสปายรับเงินมาจากเสี่ยอ้วน ตนไม่เชื่อแบบนั้น
ส่วนที่สปายคุยกับเพื่อนสนิทว่า มีการโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตราคาเกือบแสนบาทนั้น ตนไม่เห็น และยังไม่เห็นแชทดังกล่าวด้วย แต่เดาได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่สปายโทรมาบอกว่าจะชื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ โดยบอกว่าหลังเก็บเงินได้แล้วจะน้ำไปชื้อ ซึ่งตนก็เชื่อว่าเงินดังกล่าวคือเงินที่น้องทำงานมา ไม่ใช่เงินของเสี่ยอ้วน นอกจากนี้ น.ส.วันเพ็ญ พูดติดตลกว่า “แต่จะใช่หรือไม่นั้น ถ้าอยากรู้ ให้ลองไปถามกับสปายเอาเอง”
นอกจากนี้ น.ส.วันเพ็ญ ยังปฏิเสธกระแสสังคมว่า ที่ครอบครัวมีชีวิตดีขึ้นเพราะเสี่ยอ้วนนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งก่อนคบเสี่ยอ้วน ที่บ้านก็มีฐานะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะที่บ้านสร้างไว้ โดยมีธุรกิจส่วนตัว ขายรองเท้า เวลาไปออกตลาดก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้น มีรายได้เข้ามา ส่วนที่บอกว่าที่บ้านติดการพนันนั้น ยอมรับว่า มีเพียงชื้อหวย งวดละ 5-10 ใบ เป็นการเสี่ยงโชค เพราะเคยถูกหวยจึงซื้อติดไว้ และการพนันอื่น ๆ ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยเล่น แต่เลิกไปนานแล้ว ประมาณ 3 ปี ไม่เคยเล่นจนเสียเงินเสียทองจำนวนมาก
เเละจากกระแสสังคมต้องการให้ครอบครัวสปายชี้แจงค่าใช้จ่ายทั้งค่ารถ และค่าต่อเติมบ้านนั้น ตนพร้อมชี้แจง แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ และเอกสารทุกอย่างมีครบแล้ว ซึ่งมีบิลเก็บไว้ชัดเจน รวมถึงการสร้างบ้านหลังนี้ ก็เป็นเงินเก็บ และเงินจากธุรกิจขายรองเท้าในตลาดนัด ซึ่งยอดรวมไม่เคยสรุป แต่ไม่ใช่หลักล้านบาทแน่นอน ใช้เพียงแค่ประมาณ 5-6 แสนบาทเท่านั้น โดยซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านดังในจังหวัดของแก่น เพราะมีบัตรสมาชิก มีส่วนลด และยอมรับว่าวัสดุนั้นก็ไม่ใช่เกรด A เหมือนที่คนพูดกัน เป็นของวัสดุทั่วไป หาได้ตามตลาด
ขอบคุณ
ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34