- 08 ม.ค. 2562
บอ.บู๋ เคลื่อนไหว ชำแหละ แทคติก ทีมชาติไทย ลั่น นักเตะชุดนี้ขุมกำลังไม่เบา แต่ปัญหาคือ"โค้ชห่วย"!
จากกรณี การแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย นัดแรกของกลุ่ม เอ ระหว่าง ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติอินเดีย สนาม อัล นาห์ยาน สเตเดียม กรุงอาบูดาบี เวลา 20.30 น. ปรากฏว่าผลการแข่งขันที่ออกมานั้น ทีมชาติไทย ประเดิมสนาม เอเชียนคัพ 2019 พ่ายให้กับ อินเดีย 1-4 ส่งผลให้ในกลุ่มเอ เป็น นักรบแดนภารตะ ขึ้นนำจ่าฝูงของตาราง
สำหรับ โปรแกรมนัดถัดไปทีมชาติไทยจะพบกับทีมชาติบาห์เรน ในวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 62 เวลา 18.30 น. ณ สนาม อัล มัคตูม สเตเดียม, นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
หลังจากที่แข้งช้างศึกนั้นพ่ายแพ้ยับเยิน ผู้ที่ต้องรับกรรมนั้น ก็มีทั้ง มิโลวาน ราเยวัช ซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทยไปเป็นที่เรียบร้อย
.
.
โดยอีกฝากทางด้านผู้สื่อข่าวสายกีฬาชื่อดังอย่าง บอ.บู๋ ได้ออกมาโพสต์ข้อความดังนี้
ไทยเปิดหัว เอเชี่ยน คัพ ด้วยการพ่าย อินเดีย 1-4 และนี่คือสิ่งที่เห็นแบบตาแทบถลนออกนอกเบ้า !!!
1. เริ่มที่การจัดตัวผู้เล่นก่อน เราเปลี่ยนฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างเป็นแบ็คจอมบุกอย่าง โด กับ อุ้ม ตรงกลางก็มีตัวทำเกมทั้ง เจ และ แคมป์ ส่วน 3 ตัวบนจัดอยู่ในประเภทหัวหอกล้วนๆ ทั้ง ธีรศิลป์, อดิศักดิ์ และศุภชัย โดยตอนแรกเข้าใจว่า 'เจ้ากอล์ฟ' จะยืนหน้าเป้าแล้วให้ 'มุ้ย' ทำเกมเหมือนตอนเล่นด้วยกันที่เมืองทองฯ แต่กลับถ่างเอาหน้าเป้าแท้ๆ อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร มาเล่นทางขวา
ดูเผินๆ เหมือนจะดีนะครับ เพราะอุดมด้วยตัวรุก แต่ในความจริง กองหน้าไม่มีทางเล่นเป็นตัวริมเส้นดีกว่าปีกจริงๆ แน่นอน
2. ครึ่งแรก ทีมชาติไทยเล่นดีกว่าชัดเจนนะครับ ครองบอลมากกว่า บุกมากกว่า และมีโอกาสยิงมากกว่า - ที่สำคัญคือไม่ได้เล่นแบบรถบัสแล้วสวนกลับด้วยการวางยาวเหมือนที่เห็นใน อาเซี่ยน คัพ ซะด้วย
จบครึ่งแรกขอเรียนตามตรงว่าผู้ชมทางบ้านอย่างผมมองว่า อินเดีย แม่งไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย สาบานได้
ทว่าครึ่งหลังกลับกลายเป็นหนังเอ็กซ์คนละม้วนซะอย่างนั้น เมื่อทีมจากแดนภารตะบีบสูงพลางเข้าหาบอลเร็วแล้วบุกกระหน่ำเราอยู่ข้างเดียว บอลจังหวะ 2 ก็เป็นของพวกเขา จังหวะ 50-50 ก็เข้าบอลได้หนักแน่นกว่า ฟิตกว่า ผ่านบอลกันแม่นยำกว่า และหาจังหวะจบได้เฉียบคมดีนักแล
สรุปกลายเป็นบอลคนละชั้นกัน...ซะง้านนนน !!!
3. จุดอ่อนของทีมชาติช้างศึกอยู่ที่เกมรับชัดเจนเลยครับ
นอกจากจะไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับคอยชะลอเกมรุกคู่ต่อสู่ คู่เซ็นเตอร์แบ็ครูปร่างสูงใหญ่ แต่เชื่องช้า แถมคู่แข่งไม่ได้บอมบ์ใส่ มิซ้ำยังมีปัญหาในการประกบตัวจนปล่อยให้ผู้เล่นอินเดียมีทั้งพื้นที่และเวลา
ประตูแรกที่เสียจากจุดโทษ กองหลังพลาดนะครับที่จ่ายบอลง่ายๆ เสียแบบไม่มีเหตุผลจนเขาได้ทุ่ม ก่อนนำมาซึ่งจุดโทษ
ส่วนลูกที่ 2 ก็ปล่อยให้เขาว่าง 2 ตัว เช่นเดียวกับประตูต่อๆ มาที่ปล่อยเขาทะลุเข้ามาง่ายๆ โดยทุกอย่างดูสับสนอลหม่านกันไปหมด
4. แล้วดูการเปลี่ยนตัวเพื่อแก้เกมของผู้เป็นโค้ชนะครับ ขอบอกว่ามันคือการแก้เกมระดับเทพที่อยู่เหนือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
เข้าใจครับว่า ชนาธิป เล่นไม่ออก แต่นักเตะแบบ 'เมสซี่เจ' ต่อให้เล่นไม่ออกยังไงก็ต้องเก็บไว้ในสนามครับ เพราะสามารถเลี้ยงกินตัวได้ จ่ายลูกคิลเลอร์พาสส์ได้ และตะบันประตูได้ ยังไงก็ต้องเอาไว้ในสถานการณ์นั้น
เทพระดับที่ 2 ไม่ใช่แค่เอาตัวความหวังออก แต่มันคือการส่ง 'ปีโป้' ลงมา
อืมมมมมม...นะ
ตอนแรกเข้าใจว่า สิโรจน์ คงลงมาเป็นหัวหอก อาศัยรูปร่างบึกบึนและการเล่นลูกกลางอากาศดีมากดดันใส่กองหลังคู่แข่งในตำแหน่งศูนย์หน้า
ที่ไหนได้นะครับ พี่แกลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับเฉยเลย กูจะบ้าตาย นี่ถ้าไม่ใช่โค้ชระดับเทพคงคิดอะไรที่ล้ำลึกแบบนี้ไม่ได้แน่นอน
5. ผมมองว่าทีมชาติไทยชุดนี้ทีขุมกำลังที่มิใช่เบานะครับ เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ 3 ดาวเตะจาก เจลีก เข้ามาเสริม
ปัญหาคือโค้ชห่วย ผลงานมันก็เลยออกมาแบบนี้แหละ แทนที่อย่างแย่ๆ จะมีสักหนึ่งแต้มในนัดแรก ดันพ่ายแพ้แบบไม่มีฟอร์มซะงั้นทำให้สถานการณ์ลำบากโคตรๆ แม้อันดับ 3 ยังมีโอกาสเข้ารอบก็เหอะ ยิ่งเจ้าภาพทำได้แต่เสมอ บาห์เรน ในเกมแรกยิ่งทำให้สถานการณ์แย่เข้าไปใหญ่ เพราะนัดสุดท้ายเขาเอาเราตายแน่
ไทยเปิดหัว เอเชี่ยน คัพ ด้วยการพ่าย อินเดีย 1-4 และนี่คือสิ่งที่เห็นแบบตาแทบถลนออกนอกเบ้า !!!
1. เริ่มที่การจัดตัวผู้เล่นก่อน เราเปลี่ยนฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างเป็นแบ็คจอมบุกอย่าง โด กับ อุ้ม ตรงกลางก็มีตัวทำเกมทั้ง เจ และ แคมป์ ส่วน 3 ตัวบนจัดอยู่ในประเภทหัวหอกล้วนๆ ทั้ง ธีรศิลป์, อดิศักดิ์ และศุภชัย โดยตอนแรกเข้าใจว่า 'เจ้ากอล์ฟ' จะยืนหน้าเป้าแล้วให้ 'มุ้ย' ทำเกมเหมือนตอนเล่นด้วยกันที่เมืองทองฯ แต่กลับถ่างเอาหน้าเป้าแท้ๆ อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร มาเล่นทางขวา
ดูเผินๆ เหมือนจะดีนะครับ เพราะอุดมด้วยตัวรุก แต่ในความจริง กองหน้าไม่มีทางเล่นเป็นตัวริมเส้นดีกว่าปีกจริงๆ แน่นอน
2. ครึ่งแรก ทีมชาติไทยเล่นดีกว่าชัดเจนนะครับ ครองบอลมากกว่า บุกมากกว่า และมีโอกาสยิงมากกว่า - ที่สำคัญคือไม่ได้เล่นแบบรถบัสแล้วสวนกลับด้วยการวางยาวเหมือนที่เห็นใน อาเซี่ยน คัพ ซะด้วย
จบครึ่งแรกขอเรียนตามตรงว่าผู้ชมทางบ้านอย่างผมมองว่า อินเดีย แม่งไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย สาบานได้
ทว่าครึ่งหลังกลับกลายเป็นหนังเอ็กซ์คนละม้วนซะอย่างนั้น เมื่อทีมจากแดนภารตะบีบสูงพลางเข้าหาบอลเร็วแล้วบุกกระหน่ำเราอยู่ข้างเดียว บอลจังหวะ 2 ก็เป็นของพวกเขา จังหวะ 50-50 ก็เข้าบอลได้หนักแน่นกว่า ฟิตกว่า ผ่านบอลกันแม่นยำกว่า และหาจังหวะจบได้เฉียบคมดีนักแล
สรุปกลายเป็นบอลคนละชั้นกัน...ซะง้านนนน !!!
3. จุดอ่อนของทีมชาติช้างศึกอยู่ที่เกมรับชัดเจนเลยครับ
นอกจากจะไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับคอยชะลอเกมรุกคู่ต่อสู่ คู่เซ็นเตอร์แบ็ครูปร่างสูงใหญ่ แต่เชื่องช้า แถมคู่แข่งไม่ได้บอมบ์ใส่ มิซ้ำยังมีปัญหาในการประกบตัวจนปล่อยให้ผู้เล่นอินเดียมีทั้งพื้นที่และเวลา
ประตูแรกที่เสียจากจุดโทษ กองหลังพลาดนะครับที่จ่ายบอลง่ายๆ เสียแบบไม่มีเหตุผลจนเขาได้ทุ่ม ก่อนนำมาซึ่งจุดโทษ
ส่วนลูกที่ 2 ก็ปล่อยให้เขาว่าง 2 ตัว เช่นเดียวกับประตูต่อๆ มาที่ปล่อยเขาทะลุเข้ามาง่ายๆ โดยทุกอย่างดูสับสนอลหม่านกันไปหมด
4. แล้วดูการเปลี่ยนตัวเพื่อแก้เกมของผู้เป็นโค้ชนะครับ ขอบอกว่ามันคือการแก้เกมระดับเทพที่อยู่เหนือการวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
เข้าใจครับว่า ชนาธิป เล่นไม่ออก แต่นักเตะแบบ 'เมสซี่เจ' ต่อให้เล่นไม่ออกยังไงก็ต้องเก็บไว้ในสนามครับ เพราะสามารถเลี้ยงกินตัวได้ จ่ายลูกคิลเลอร์พาสส์ได้ และตะบันประตูได้ ยังไงก็ต้องเอาไว้ในสถานการณ์นั้น
เทพระดับที่ 2 ไม่ใช่แค่เอาตัวความหวังออก แต่มันคือการส่ง 'ปีโป้' ลงมา
อืมมมมมม...นะ
ตอนแรกเข้าใจว่า สิโรจน์ คงลงมาเป็นหัวหอก อาศัยรูปร่างบึกบึนและการเล่นลูกกลางอากาศดีมากดดันใส่กองหลังคู่แข่งในตำแหน่งศูนย์หน้า
ที่ไหนได้นะครับ พี่แกลงมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับเฉยเลย กูจะบ้าตาย นี่ถ้าไม่ใช่โค้ชระดับเทพคงคิดอะไรที่ล้ำลึกแบบนี้ไม่ได้แน่นอน
5. ผมมองว่าทีมชาติไทยชุดนี้ทีขุมกำลังที่มิใช่เบานะครับ เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ 3 ดาวเตะจาก เจลีก เข้ามาเสริม
ปัญหาคือโค้ชห่วย ผลงานมันก็เลยออกมาแบบนี้แหละ แทนที่อย่างแย่ๆ จะมีสักหนึ่งแต้มในนัดแรก ดันพ่ายแพ้แบบไม่มีฟอร์มซะงั้นทำให้สถานการณ์ลำบากโคตรๆ แม้อันดับ 3 ยังมีโอกาสเข้ารอบก็เหอะ ยิ่งเจ้าภาพทำได้แต่เสมอ บาห์เรน ในเกมแรกยิ่งทำให้สถานการณ์แย่เข้าไปใหญ่ เพราะนัดสุดท้ายเขาเอาเราตายแน่