ครอบครัวเฝ้ารอกอด"น้องโยโย่"  พ่อบอกเป็นบทเรียนสำคัญ..ต้องฟังทุกปัญหาของลูก (คลิป)

ครอบครัวเฝ้ารอกอด"น้องโยโย่" พ่อบอกเป็นบทเรียนสำคัญ..ต้องฟังทุกปัญหาของลูก (คลิป)

หลังจากที่ได้รับข่าวว่าพบตัว น้องโยโย่ เด็กหญิงวัย 14 แล้วที่ จ.เชียงใหม่ โดยผู้ที่พาไปคือนายรณชิต บำรุงจิตร์ อายุ 52 ปี ผู้ที่เรียกได้ว่าสนิทสนมกับครอบครัวเด็กหญิงผู้เสียหาย จนคุณพ่อของเด็กหญิงได้ออกมาเปิดใจว่า การกระทำครั้งนี้ของนายรณชิตเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และให้ตำรวจดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ล่าสุด นายรณชัย เหล่าสุวรรณพงษ์ อายุ 41 ปี และ น.ส.อนันตพร ศรีภุมมา อายุ 36 ปี บิดาและมรรดาของ “น้องโยโย่” (สงวนชื่อจริง) อายุ 14 ปี ที่หายตัวไปกว่าครึ่งเดือนนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปี 2561 เดินทางเข้าพบตามนัดหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรอรับบุตรสาว หลังจากที่ล่าสุดถูกพบตัวอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมี นายรณชิต บำรุงจิตร์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาในความผิดฐานพรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีไปจากพ่อแม่ เป็นบุคคลที่พาตัวไป

 

 

 

นายรณชัย กล่าวว่า นับแต่มีผู้พบตัวลูกสาวแล้ว ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย ซึ่งหากได้เจอก็อยากจะกอดกันเป็นอย่างแรก สำหรับตัวนายรณชิต เองนั้น ตนเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่พาลูกสาวตัวเองไปตั้งแต่วันแรกที่ลูกหายตัวไป เพราะมีความสนิทกันมากที่สุด อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อไปหาได้  

 

ครอบครัวเฝ้ารอกอด\"น้องโยโย่\"  พ่อบอกเป็นบทเรียนสำคัญ..ต้องฟังทุกปัญหาของลูก (คลิป)

 

ขณะที่ภรรยาของนายรณชิตก็บ่ายเบี่ยงที่จะไม่ตอบว่าสามีตนเองอยู่ที่ไหน โดยในวันนี้ ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เพียงแค่ให้มารับลูกสาวเท่านั้น แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดอื่นๆ หรือแม้แต่คุยกับลูกสาวเลย ทราบเพียงว่าน้องโยโย่ร้องไห้หนักมาก คงเพราะกลัวความผิดและไม่พร้อมจะคุยกับพ่อแม่


 

ขณะที่นางสมพิศ เหล่าสุวรรณพงษ์ ผู้เป็นย่า "กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่ขอพูดถึงเรื่องคดี แต่ยืนยันว่าหากจะมีการดำเนินการอะไรต่อไปก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตอนนี้อยากให้หลานสาวกลับมา เพราะทุกคนในครอบครัวก็พร้อมที่จะคุยด้วยเหตุผลเสมอ ซึ่งปกติเราก็มักจะกอดกันในทุกครั้งที่เจอ ปัญหาครั้งนี้อาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจ และรับฟังปัญหาน้อยไป ส่วนเรื่องของผู้ต้องหานั้นยังไม่ขอกล่าวอะไรถึงทั้งนั้น อยากให้ดำเนินกันตามกฎหมานไปก่อน"

 

ครอบครัวเฝ้ารอกอด\"น้องโยโย่\"  พ่อบอกเป็นบทเรียนสำคัญ..ต้องฟังทุกปัญหาของลูก (คลิป)


นอกจากนี้พ่อของน้องโยโย่ยังเสริมอีกว่า “นายรณชิต มีลูกสาวที่โตกว่าและเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับน้องโยโย่ ซึ่งมีความสนิทสนมกันมากพอสมควร จนเรียกว่าลุง อีกทั้งยังเคยไปเที่ยว ไปกินข้าวตามร้านอาหารด้วยกัน ทางครอบครัวจึงเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยผู้ต้องหา มักจะพาน้องโยโย่ไปรับส่งที่โรงเรียนในบางเวลา โดยจะมีแม่น้องเขาติดรถยนต์ไปด้วยเป็นประจำ” 

 

 

“ก่อนที่เด็กจะหายไปก็ไม่มีวี่แววอะไรเลย ปกติน้องจะเรียนพิเศษกับผู้ต้องหาที่จะคอยเป็นติวเตอร์สอนพิเศษในช่วงใกล้สอบให้ ที่ร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้า ผมได้เจอกันครั้งล่าสุดหลังจากเข้าไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล จากนั้นเมื่อวันสอบเสร็จก็ไม่พบน้องอีกเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ลูกก็เคยบ่นว่าอยากไปเที่ยว ไปดูหนัง ซึ่งปกติจะพาไปตามสถานที่ต่างๆ ทุกวันเสาร์

 

 

แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ผมได้ผ่าตัด และตัวแม่ก็ล้มจนเจ็บขา ล่วงเป็นเวลากว่า 2 เดือนที่ไม่ได้พาน้องไปไหน ยอมรับว่าไม่ค่อยเปิดรับฟังปัญหาให้กับน้องมากพอสมควร ส่วนความกดดันเรื่องการเรียนนั้น ผมจะเปิดโอกาสให้ลูกความสมัครใจของตัวเอง” พ่อเด็กหญิงผู้เสียหายกล่าว

 

 

อย่างไรก็ตามนายรณชัยทิ้งท้ายว่า "จากเรื่องที่เกิดขึ้น ฝากเป็นอุทาหรณ์ว่าอยากให้ทุกครอบครัวเปิดใจรับฟังปัญหาของเด็ก หากมีเรื่องอะไรก็ขอให้รับฟังกันไว้มากๆ"
 

 

ครอบครัวเฝ้ารอกอด\"น้องโยโย่\"  พ่อบอกเป็นบทเรียนสำคัญ..ต้องฟังทุกปัญหาของลูก (คลิป)

 


ทั้งนี้มีรายงานข่าวระบุว่าจากการตรวจสอบแต่ละจุดที่นายรณรชิตพาน้องโยโย่เข้าพักในจังหวัดเชียงใหม่  มีหลักฐานบางอย่างเชื่อได้ว่าฝ่ายหญิงอาจอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ด้วย  แต่ทั้งนี้ต้องรอผบลการตรวจของแพทย์อย่างละเอียดว่ามีการตั้งครรภ์จริงหรือไม่และกี่เดือนแล้ว