- 15 พ.ค. 2562
จากกรณีที่เกิดเหตุเด็กติดอยู่ในรถยนต์ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณหลังตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นรถเก๋งเอ็มจีสีขาว ทะเบียน 8 กฌ 3105 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากประตูล็อคทั้ง 4 ด้าน
จากกรณีที่เกิดเหตุเด็กติดอยู่ในรถยนต์ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณหลังตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นรถเก๋งเอ็มจีสีขาว ทะเบียน 8 กฌ 3105 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากประตูล็อคทั้ง 4 ด้าน
และมีเด็กหญิงอายุประมาณ 1 ขวบ ติดอยู่ในรถนั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กตรงเบาะหลัง โดยสาเหตุมาจากแม่ซึ่งเป็นคนขับได้ลงจากรถโดยดับเครื่องและวางกุญแจซึ่งเป็นกุญแจแบบรีโมทไว้ในรถเมื่อปิดประตูรถจึงล็อคทันที กระทั่งชาวบ้านในระแวกนั้นพร้อมทั้งภรรยาช่างทำกุญแจได้เข้ามาช่วยเหลือ จนในที่สุดทางเจ้าของรถจึงใช้วิธีประสานไปยังบริษัทเจ้าของรถช่วยปลดล็อครีโมทแบบทางไกลให้ประตูจึงเปิดออกทันที ทำให้เด็กออกมาอย่างปลอดภัย
แต่ทว่าเหตุการณ์นี้ทางหญิงสาวเจ้าของรถไม่พอใจที่ประตูรถมีรอยขูดขีด และถามหาความรับผิดจากชอบคนที่เข้ามาพยายามช่วยปลดล็อค เธอจึงให้เบอร์โทรทิ้งไว้หากต้องการที่จะให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อพูดคุยเจรจากันภายหลัง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลูกสาวติดในรถคนหาดใหญ่แห่ช่วย แม่โวยเอาเรื่องเมียช่างกุญแจใช้ลวดทำเก๋งเป็นรอย
ล่าสุดภรรยาช่างกุญแจที่พอมีประสบการณ์คนดังกล่าวได้เปิดใจว่า "รู้สึกงงมาก พยายามช่วย แต่กลับถูกเจ้าของรถให้ชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งๆที่ตอนนั้นไม่มีใครว่าง แต่สามีจึงแนะนำวิธีเปิดให้ ก็พอรู้เรื่องอยู่บ้างจึงพยายามช่วยเปิดให้ และมีพลเมืองดีอีกหลายคนที่เข้ามาช่วยแต่ก็ไม่สำเร็จ
โดยเธอยอมรับว่าแม่ของเด็กก็ได้โทรศัพท์มาหาจริง ซึ่งสามีของเธอเป็นคนรับสาย สามีของตนก็รู้จักสามีแม่เด็ก เพราะเป็นช่างทำกุญแจอยู่ที่กรุงเทพฯ เลยบอกไปว่าจะเอาอะไรอีก เพราะช่วยอย่างเต็มที่แล้ว หากต้องการให้ชดใช้ค่าเสียหายก็ให้โทรมาคุย จากนั้นเขาก็วางสายไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกลับมาอีก ก็ไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่เพราะอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ ตนก็ไม่คิดว่าการทำดีจะได้รับผลแบบนี้เหมือนกัน"
ด้านทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้ว่า การที่เด็กติดอยู่ในรถ เพราะความประมาทของตัวเอง แล้วมีคนไปช่วยลูก แทนที่จะสำนึกบุญคุณเขา กลับคิดจะเอาเรื่อง แบบนี้ใครอยากจะช่วยครับ แต่ถึงแม้รถคุณจะเสียหายแค่ไหน ผู้ที่เข้าไปช่วยเด็กก็ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา แม้แต่สลึงเดียว
ในทางอาญา ผู้กระทำก็ไม่ต้องรับโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ เพราะเป็นการกระทำด้วยความจำเป็น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำความผิดด้วยความจำเป็น (1) เพราะอยู่ในที่บังคับ หรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ หรือ (2) เพราะเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นพ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นโดยวิธีอื่นใดได้ เมื่อภยันตรายนั้นตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
ในส่วนทางแพ่ง ก็ไม่ต้องรับผิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีรถบุบสลายแต่ประการใด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 450 ที่บัญญัติว่า ถ้าบุคคลทำบุบสลายหรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ท่านว่าไม่จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หากความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุภยันตราย
ถ้าบุคคลทำบุบสลายหรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุกเฉิน ผู้นั้นจะต้องใช้คืนทรัพย์นั้น ถ้าบุคคลทำบุบสลายหรือทำลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อจะป้องกันสิทธิของตนหรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดยฉุกเฉิน เพราะตัวทรัพย์นั้นเอง เป็นเหตุบุคคลเช่นว่านี้ หาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ หากว่าความเสียหายนั้น ไม่เกินสมควรแก่เหตุ แต่ถ้าภยันตรายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้นเองแล้ว ท่านว่าจำต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้