- 24 มิ.ย. 2562
จากกรณีที่ กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักในตอนนี้ เมื่อชาวเน็ตแห่แชร์ภาพเหตุการณ์ของหนุ่มคนหนึ่งที่ขับรถมากับพ่อ แต่แล้วการเดินทางไปทำงานในครั้งนี้ของเขากลับไม่ราบลื่น เพราะดันเจอเหตุการณ์นี้ซะก่อน
จากกรณีที่ กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักในตอนนี้ เมื่อชาวเน็ตแห่แชร์ภาพเหตุการณ์ของหนุ่มคนหนึ่งที่ขับรถมากับพ่อ แต่แล้วการเดินทางไปทำงานในครั้งนี้ของเขากลับไม่ราบลื่น เพราะดันเจอเหตุการณ์นี้ซะก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ สีแสวงเหาะ'ะ เกมมิ่ง'ง ได้โพสต์คลิปดังกล่าวพร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเขาและพ่อกำลังจะออกมาทำงาน แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อ จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งเบรกจนเสียงดัง จากนั้นเขาได้ขับรถไปต่อ เพราะคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะชายในรถคันดังกล่าวได้ขับมาปาดหน้าและลงมาต่อว่า พร้อมกับอาละวาดลั่นถนน แถมยังบอกอีกว่าเขาเป็น ตำรวจสืบสวน สน.ประเวศ หากข้องใจให้มาหาได้
อ่านข่าว : ชายหัวเกรียนอาละวาดโวยลั่นถนน โมโหโดนรถปาดหน้า เบ่งโชว์อยู่สน.ประเวศ (คลิป)
จากที่ทีมข่าว TNews ได้ต่อสายตรงสอบถามกับเรื่องราวดังกล่าวกับ พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สน.ประเวศ กล่าวว่า ชายหัวร้อนยอมรับว่าไม่ใช่ตำรวจ และที่ทำอย่างนั้นไปเพราะเกิดจากความเครียด ส่วนทางหนุ่มเจ้าทุกข์และพ่อนั้น ไม่ติดใจเอาความใดๆ เนื่องจากเขาได้เข้ามาขอโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดีไปตามกฏหมาย
ล่าสุด สน.ประเวศ ได้สืบสวนติดตามจนทราบว่าผู้ต้องหาคือนายพลวัฒน์ กรณ์นันทลักษณ์ และเรียกให้มาพบ จากการตรวจสอบพบว่า "ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ" และที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะกลัวว่าฝ่ายของผู้เสียหายมีอาวุธประกอบกับมีความเครียด จึงได้ให้ทั้งสองฝ่ายปรับความเข้าใจกัน และฝ่ายผู้ต้องหาได้ขอโทษต่อผู้เสียหาย และยอมรับผิดในการกระทำ
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา "แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าหนักงาน, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ดูหมิ่นซึ่งหน้าและข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว" ให้ผู้ต้องหาทราบและนัดตัวผู้ต้องหาเพื่อฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดพระโขนงต่อไป
ด้าน นายขวัญใจ กงกวย ผู้เสียหายเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าโดยตนและครอบครัวมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างขับรถออกจากซอยพัฒนาการ 58 เพื่อไปรับช่างไม้ที่บางนา และเปิดไฟเลี้ยวกลับรถโดยที่ไม่ว่ารถคู่กรณีวิ่งตรงมาด้วยความเร็วและเบรคกระทันหันอย่างแรง ยอมรับได้ยินเสียงเบรค แต่เข้าใจว่ารถคู่กรณีเบรค รถแท็กซี่ที่ขับมาคู่กันจึงไม่ได้จอดรถลงไปดู หรือขอโทษ
จนคู่กรณีขับปาดหน้าและลงมาต่อว่าด่าทอ พร้อมข่มขู่ว่าเป็นตำรวจสายสืบ สน. ประเวศ ท้าทายให้มีการไปโรงพักและตรวจว่ามียาเสพติดในรถหรือไม่ อีกทั้งเดินไปที่รถทำท่าหยิบอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้ตนและครอบครัวรู้สึกกลัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปหยิบปืนมาทำร้าย แม้ว่าจะขอโทษแต่คู่กรณีก็ยังคงต่อว่าอย่างรุนแรง
ขณะที่นายพลวัฒน์ กรณ์นันทลักษณ์ คู่กรณีบอกว่ามีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวทุกเช้าจะไปส่งของ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุขับมาทางตรงคู่กับแท็กซี่ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถผู้เสียหายและรถยนต์อีกหนึ่งคันจอดเตรียมกลับรถ ซึ่งรถยนต์เห็นรถของตนหยุดไม่กลับ แต่รถผู้เสียหายคาดว่าอาจจะไม่เห็นกลับรถทันทีทำให้ตนต้องเบรกกระทันหันเกือบจะชนฟุตบาท
และด้วยอารมณ์โกรธจึงขับปาดหน้าเข้าไปต่อว่าตามคลิป ยอมรับว่าอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเกรงว่าผู้เสียหายจะมีอาวุธมาทำร้ายเพราะลูกชายผู้เสียหายทำทีหยิบอาวุธในรถเหมือนกัน ซึ่งตนไม่มีอาวุธใดๆ ตามที่ขู่ผู้เสียหาย ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ร้อนของตนเองเป็นบทเรียนและฝากเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขับรถด้วยความระมัดระวังและใจเย็นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่ตนที่ยอมรับผิดต่อสังคม
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาสี่โทรหาด้วยกันคือ 1 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตราย 2 ข่มขู่ว่ามีปืนจนทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว 3 แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน และ 4 ดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยการด่าทอ ซึ่งเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย
ขอบคุณเฟซบุ๊ก ถ่ายทอด ดูดวง