- 08 มี.ค. 2563
จากที่ไวรัสโควิด-19เล่นงานผู้คนทั่วโลกจนกลายเป็นอีกหนึ่งโรคระบาดที่น่ากลัวสุดๆ เนื่องจากการระบาดของมันทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 98,000 ทั้งยังทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,300 คนและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีก ซึ่งในขณะการณ์เช่นนี้สิ่งที่ประชาชนระวังมากที่สุดก็คือ ความสะอาดและการป้องกันที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบตัวเอง ซึ่งหลายๆ คนต่างเฟ้นหาทั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือและหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรค
จากที่ไวรัสโควิด-19เล่นงานผู้คนทั่วโลกจนกลายเป็นอีกหนึ่งโรคระบาดที่น่ากลัวสุดๆ เนื่องจากการระบาดของมันทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 98,000 ทั้งยังทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 3,300 คนและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีก ซึ่งในขณะการณ์เช่นนี้สิ่งที่ประชาชนระวังมากที่สุดก็คือ ความสะอาดและการป้องกันที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบตัวเอง ซึ่งหลายๆ คนต่างเฟ้นหาทั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือและหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรค
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความลงสื่อโซเชียลมีเดียว่า "วันก่อนน้องสาวเรารวบรวมเงินบริจาคจากเพื่อนๆไปสั่งหน้ากากกับร้านขายยาที่เขานำเข้าหน้ากากจากเวียดนาม 25,000 ชิ้น ชิ้นละ 14.5 บาท เพื่อจะเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล
ซึ่งน้องเราได้ติดต่อรพ.ไว้เรียบร้อย และกำลังจะไปรับหน้ากากจากร้านขายยา แต่!!ปรากฎว่าตำรวจบุกค้นร้านขายยา แล้วยึดหน้ากากไปหมดเลย น้องสาวเราจ่ายเงินไปแล้วเป็นแสนนะ พอไปเคลียที่โรงพักพร้อมให้ดูหลักฐานว่าได้ติดต่อรพ.ไว้แล้ว
และโชว์อินสตาแกรมว่าได้มีการรวบรวมเงินจากเพื่อนๆเพื่อจะไปบริจาคจริงๆ ตำรวจก็ไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น จะตั้งข้อหาร้านขายยาว่าขายเกินราคาท่าเดียว น้องเราบอกว่าเป็นของนำเข้าและร้านไม่บวกเพิ่มเลย เพราะรู้ว่าจะเอาไปบริจาค ตำรวจก็หันมาบอกว่าถ้างั้นจะตั้งข้อหาน้องสาวเราแทนเพราะมีหน้ากากไว้ครอบครองเกินจำนวน
เฮ้อ!! ก็บอกว่าจะเอาไปบริจาคก็ไม่เชื่อ สุดท้ายตำรวจยึดหน้ากากไปเป็นของกลางแล้วไม่คืน แล้วบอกให้น้องเราไปฟ้องเอาเงินคืนกับร้านยาเองเพราะส่งมอบไม่สำเร็จ!! อะไรฟระแบบนี้ก็ได้เหรอ ก็ที่ส่งมอบกันไม่สำเร็จเพราะใครหล่ะ??? แล้วตอนนี้หน้ากากไปอยู่ไหน????
ปล. น้องสาวเราถามตำรวจว่าแล้วหมอกับพยาบาลที่จะได้ใช้หน้ากากวันนี้หล่ะ ไม่คิดถึงบ้างเหรอ?
ตำรวจตอบว่ารพ.ไม่ขาดแคลนหน้ากากสักหน่อย และถ้าอยากบริจาคก็ไปเข้าคิวซื้อกับกรมการค้าภายในที่เขาเอามาขายสิ แบบนั้นถูกกฎหมาย ไม่เกินราคาด้วย.......อ่า...แล้วต้องต่อคิวนานแค่ไหนหล่ะ แล้วจะซื้อ 25,000 ชิ้นจะขายมั้ยหล่ะ......เฮ้อ....."
ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เข้ามาคอมเม้นต์ว่า บางครั้งควรใช้สมองวิเคาระห์สถานะการ บ้างนะ ว่าสิ่งที่ทำเหมาะสมหรือไม่