- 23 มี.ค. 2563
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่กำลังระบาดในจีน โดยเริ่มมีการรายงานว่าพบผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2562 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ตอนกลางของประเทศจีน จนตอนนี้โรคไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังกระจายไปทุกมณฑลและเขตการปกครองอื่นๆ ของจีน และหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 337,000 คน และผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 14,600 และมีท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จากสถานการณ์โรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโควิด -19 ที่กำลังระบาดในจีน โดยเริ่มมีการรายงานว่าพบผู้ป่วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2562 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ตอนกลางของประเทศจีน จนตอนนี้โรคไม่ได้จำกัดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่ยังกระจายไปทุกมณฑลและเขตการปกครองอื่นๆ ของจีน และหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 337,000 คน และผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 14,600 และมีท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุด กระทรวงสาธารธสุข นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 10 ได้แจ้งยอดผู้ป่วยล่าสุดว่ามีผู้ป่วยหายเพิ่ม 7 ราย ซึ่งทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 52 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 668 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมแล้วมีผู้ป่วยสะสม 721 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 122 ราย
สรุปพบผู้ป่วย COVID - 19 เพิ่ม 122 คน แบ่งได้ดังนี้
กลุ่ม 1 : 20 คน
- ไปสนามมวย 4 คน
- สัมผัสกับผู้ป่วยเดิม 16 คน
กลุ่ม 2 : ผู้ป่วยใหม่ 10 คน
- คนต่างชาติ 2 คน
- คนไทย 2 คน
- ทำงานในที่แออัด 6 คน
กลุ่ม 3 : มี 92 คน อยู่ในระหว่างสอบสวนโรค
โดยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มจากสนามมวย ส่วนสถานบันเทิงไม่พบเพิ่ม ขณะผู้ป่วยกลุ่มใหม่ คือคนที่สัมผัสและใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ ขณะนี้มีผู้ป่วยรักษาหาย ได้กลับบ้าน 7 ราย ขอคนกลับบ้านต่างจังหวัดแยกตัว 14 วัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตอนนี้ เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ และเกิดในต่างจังหวัดมากขึ้น ด้านสธ.จึงขอให้ผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รายงานตัวต่อจนท. ของ สธ. หรือ รพ. จังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่ บ้าน หรือ อสม. โดยย้ำอย่างเคร่งครัดว่า ให้แจ้งกับ จนท. ด้วย แสดงตัวเอง และกักตัวเอง
รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)
ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2563
1. สถานการณ์ ถึงวันที่ 22 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.
1.ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 668 ราย กลับบ้านแล้ว 52 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 721 ราย
2.สถานการณ์ทั่วโลกใน 185 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 นครรัฐ 2 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 23 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 329,624 ราย เสียชีวิต 14,433 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 81,054 ราย เสียชีวิต 3,261 ราย อิตาลีพบผู้ป่วย 59,138 ราย เสียชีวิต 5,476 ราย
2. สธ.เผยพบผู้ติดเชื้อโคโรนา 2019 ใหม่เพิ่ม 122 ราย กลับบ้าน 7 ราย
กระทรวงสาธารณสุขเผยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 122 ราย กลับบ้าน 7 ราย ขอให้ผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาทุกคนรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ปฏิบัติตามคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กักตัวที่บ้าน สังเกตอาการ เว้นระยะห่าง 1 – 2 เมตร
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า วันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 7 ราย และมีผู้ป่วยเพิ่ม 122 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 20 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 4 ราย และกลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 16 ราย
กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 10 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ 4 ราย,กลุ่ม ผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 6 ราย
กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 92 ราย
สำหรับผู้ป่วยอาการหนักมี 7 ราย จาก สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โรงพยาบาลในสังกัดโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาลบาลเอกชน ทุกรายใส่เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยสรุป มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 52 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 668 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 721 ราย
ขณะนี้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับภูมิลำเนาทั้งก่อนและหลังที่จะมีประกาศปิดสถานที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ได้แก่ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ผอ.โรงพยาบาล, นายอำเภอ, สาธารณสุขอำเภอ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, อสม., ผู้นำชุมชน ทันทีทุกคน พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ให้กักกันตัวเองที่บ้านอย่างเคร่งครัด อย่างน้อย 14 วัน ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้อื่น เว้นระยะห่างระหว่างกัน 1 -2 เมตร งด/ลด การเดินทางโดยไม่จำเป็น ไม่ไปในพื้นที่แออัด และแยกสำรับอาหาร สังเกตอาการหากมีไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ รีบพบแพทย์ทันที
โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง อาทิ ผู้ชม ผู้ทำงาน ในสนามมวย สถานบันเทิง ที่กลับไปภูมิลำเนา พ่อ แม่ ภรรยา สามี ลูก หลาน หรือผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มดังกล่าวมีโอกาสติดเชื้อได้ การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การกักกันตัวเอง รักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
ขอย้ำผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหากยังไม่มีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ให้กักกันตนเองอย่างเคร่งครัด เว้นระยะห่างทางสังคม ที่สำคัญยังไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ เพราะหากยังไม่มีอาการโอกาสตรวจพบเชื้อมีน้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าตัวเองไม่ป่วย ยังคงมีกิจกรรมทางสังคม ขาดการระมัดระวังตัวเอง แต่หากเมื่อป่วยภายหลังจะทำให้ผู้ใกล้ชิดมีโอกาสรับเชื้อ กลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเจ็บป่วยตามมาอีกจำนวนมาก จากข้อมูลการตรวจทางห้องปฏิบัติการล่าสุดมีผู้มาขอรับการตรวจทั้งหมด 30,000 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้เป็นผู้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง (PUI) ประมาณ 10,000 ราย ผลยืนยันพบเชื้อเพียง 400 ราย