- 15 เม.ย. 2563
สืบเนื่องจากที่รัฐบาลเริ่มที่จะทยอยโอนเงินมาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน) ที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ให้กับ ปชช. ไปบ้างแล้ว ซึ่งทำให้มีดราม่าต่างๆ ตามมามากมาย และเมื่อไม่นานมานี้ ทางกระทรวงการคลังได้แจ้งว่า การอุทธรณ์ ผลการพิจารณาเพื่อรับเงินเยียวยา 5,000 บาท จะเริ่มเปิดให้ดำเนินการเฉพาะทางออนไลน์ ทางเว็บไซต์ “เราไม่ทิ้งกัน” เท่านั้น ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณวันที่ 19 เมษายน 2563 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันการระบาดโควิด19 ของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นประชาชนที่ต้องการอุทธรณ์ จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมาที่กระทรวงการคลัง
สืบเนื่องจากที่รัฐบาลเริ่มที่จะทยอยโอนเงินมาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน) ที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ให้กับ ปชช. ไปบ้างแล้ว ซึ่งทำให้มีดราม่าต่างๆ ตามมามากมาย และเมื่อไม่นานมานี้ ทางกระทรวงการคลังได้แจ้งว่า การอุทธรณ์ ผลการพิจารณาเพื่อรับเงินเยียวยา 5,000 บาท จะเริ่มเปิดให้ดำเนินการเฉพาะทางออนไลน์ ทางเว็บไซต์ “เราไม่ทิ้งกัน” เท่านั้น ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณวันที่ 19 เมษายน 2563 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันการระบาดโควิด19 ของกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นประชาชนที่ต้องการอุทธรณ์ จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องมาที่กระทรวงการคลัง
แต่ทว่าประชาชนจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังกระทรวงการคลัง เนื่องจากต้องการยื่นอุทธรณ์ว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้รับเงิน 5,000 จากเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน นอกจากนี้ยังมีบางส่วนประชาชนได้ต่อว่าเนื่องจากมองว่าระบบคัดกรองช้า ซึ่งนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้อธิบายให้กับประชาชนได้รับฟังเพื่อให้เข้าใจด้วยตนเอง เนื่องจากว่าการมาร่วมชุมนุมกันที่กระทรวงการคลังกันเป็นจำนวนมากนั้นไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายมากขึ้นว่าเดิม
ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้ามาตรการเยียวยา 5,000 บาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีเม็ดเงินช่วยเหลือเยียวยาถึงคนทำงานที่เดือดร้อนจากสถานการณ์ Covid-19 ในรอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2563 และรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน 2563 แล้วจำนวน 2.4 ล้านราย คิดเป็นมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเร่งกระบวนการตรวจสอบและคัดกรองผู้ลงทะเบียนกว่า 27 ล้านคนโดยเร็วที่สุด โดยในช่วงวันที่ 15-17 เมษายน 2563 จะเริ่มทยอยส่ง SMS และโอนเงินเยียวยาในรอบที่ 3 ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์ประมาณ 8 แสนราย คิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านบาท
สำหรับกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์แต่ได้รับแจ้งว่าการโอนเงินไม่สำเร็จ เนื่องจากบัญชีธนาคารถูกปิด บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวนานเกิน 1 ปี ชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อที่ลงทะเบียน เลือกรับโอนเงินผ่านพร้อมเพย์แต่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ หรือเข้ามาแก้ไขข้อมูลบัญชีแล้ว แต่ใส่ข้อมูลไม่ถูกต้องสามารถแก้ไขได้โดยการผูกบัญชี พร้อมเพย์กับหมายเลขบัตรประชาชนผ่าน Mobile Banking หรือตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร โดยไม่ต้องไปสาขาธนาคาร เพื่อรอรับการโอนเงินเยียวยางวดเดือนเมษายนอีกครั้งในวันที่ 22 หรือ 29 เมษายน 2563
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนมาโดยตลอด และเตรียมเปิดกลไกการขอทบทวนสิทธิ์ในวันที่ 20 เมษายน 2563 ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นที่ www.เราไม่ทิ้งกันhttp://xn--q3c.com/ จึงขอเน้นย้ำว่าประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เพราะไม่ได้มีช่องทางการเปิดรับเอกสาร และเป็นการดำเนินการตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งต่อตัวผู้ประสงค์จะขอทบทวนสิทธิ์เองและต่อส่วนรวมของสังคมไทย
การขอทบทวนสิทธิ์นี้ ในระยะแรกจะเปิดกว้างสำหรับประชาชนที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการตรวจสอบและคัดกรองก่อน และในระยะต่อไปจะขยายไปยังกลุ่มผู้ที่ได้กดยกเลิกการลงทะเบียนโดยความเข้าใจผิดด้วย กลไกการทบทวนสิทธิ์จะดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยการลงพื้นที่จริงเพื่อยืนยันตัวตนและความเดือดร้อนของผู้ลงทะเบียน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่ เช่น คลังจังหวัด สรรพากรพื้นที่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น รวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ด้วยทั้งนี้ ผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะยังได้รับเงินเยียวยาครบทั้ง 3 เดือน เนื่องจากการให้เงินเยียวยาจะใช้วันลงทะเบียนในการเริ่มนับสิทธิ์
โฆษกกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอและมีความตั้งใจที่จะดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ให้ครอบคลุมครบทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมสำหรับแต่ละกลุ่มต่อไป
อย่างไรก็ตาม สามารถสอบถามได้ที่ Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือโทร. 0 2273 9020 ต่อ 3421, 3422, 3423, 3424, 3425, 3427, 3429, 3430, 3572 (ในวันและเวลาราชการ)"
ก่อนหน้านั้น นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุถึงกรณีปัญหาของผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ แต่ถูกตัดสิทธิรับเงินเยียวยาจากปัญหาถูกระบุอาชีพเป็นเกษตรกร ว่า หากเป็นบุคคลที่ไม่เคยเป็นเกษตรกรมาก่อน แต่พ่อแม่เคยใส่ชื่อไว้ในฐานข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรของกระทรวงเกษตรฯ สามารถยื่นขออุทธรณ์ผ่านระบบได้ โดยให้แนบเอกสารหลักฐานใบอนุญาตขับแท็กซี่เพื่อไว้ยืนยันอาชีพที่แท้จริงมาด้วย ซึ่งกระทรวงการคลังยินดีที่จะพิจารณาคืนสิทธิในการรับเงินเยียวยาให้แก่ผู้ลงทะเบียนดังกล่าวให้อย่างแน่นอน