- 25 พ.ค. 2563
จากกรณีที่ นายกษิดิศ วิเศษธนากร อายุ 31 ปี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Kasidit Kwang Visetthanakorn ระบุว่า ครอบครัวของเขาเพิ่งไปพักและกลับมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา จากนั้นก็มีชายรายหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของโรงแรม และค่ายโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง แจ้งว่าเขาได้รับรางวัลพิเศษ จะนำมือถือมาให้ที่บ้าน โดยต้องใส่ซิมมือถือของเขาไว้ในเครื่องเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อลงทะเบียนเปิดใช้งานแคมเปญโปรโมชั่นดังกล่าว ก่อนวันต่อมา เขาจะเปลี่ยนซิมกลับมาที่มือถือของตน พอล็อกอินเข้าแอปฯ ธนาคาร ก็พบว่า บัญชีธนาคารถูกแฮก
จากกรณีที่ นายกษิดิศ วิเศษธนากร อายุ 31 ปี ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Kasidit Kwang Visetthanakorn ระบุว่า ครอบครัวของเขาเพิ่งไปพักและกลับมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา จากนั้นก็มีชายรายหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของโรงแรม และค่ายโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง แจ้งว่าเขาได้รับรางวัลพิเศษ จะนำมือถือมาให้ที่บ้าน โดยต้องใส่ซิมมือถือของเขาไว้ในเครื่องเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อลงทะเบียนเปิดใช้งานแคมเปญโปรโมชั่นดังกล่าว ก่อนวันต่อมา เขาจะเปลี่ยนซิมกลับมาที่มือถือของตน พอล็อกอินเข้าแอปฯ ธนาคาร ก็พบว่า บัญชีธนาคารถูกแฮก
ต่อมา นายกษิดิศ วิเศษธนากร เจ้าของเรื่องได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจ ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว คนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ไม่ใช่แฮกเกอร์ ไม่ได้ขโมย OTP จากมือถือ แต่คือคนในครอบครัว หมดแรงจะสู้ ขออยู่เงียบๆ ซักพักนะครับ แล้วหลังจากนี้ขอมุ่งหน้าทำงานตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ขอเป็นลูกคนเดียว ไม่ขอมีพี่น้องอีกต่อไปครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ขอบคุณครับ”
ขณะที่ นายนิวัตร เหลืองศิริเชียร โพสต์ข้อความระบุว่า “เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือเรื่องฝันร้ายที่สุดในชีวิต หน้าที่การงานพัง ทุกอย่างพัง ชื่อเสียงที่สร้างมาหายไปในพริบตา แต่วันนี้ความจริงปรากฎแล้วว่าผมไม่ได้เกี่ยวของกับเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ทางเจ้าของโพสต์ได้โพสต์ขอโทษผมแล้ว แต่ทั้งนี้ ชื่อเสียงที่ผมเสียไปมันไม่สามารถเอากลับมาได้ งานสื่อ (นักข่าว) ที่ผมรัก ผมยังอยากทำมันต่อ ดังนั้นผมต้องดำเนินคดีทางกฏหมายให้ถึงที่สุดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และสร้างความมั่นใจกับสิ่งที่ผมเสียไป เรียนพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านร่วมทำข่าว วันนี้เวลา 13.00 น. ที่ สน.เตาปูน ครับ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งมาและขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อนครับ
อ่านข่าว - หนุ่มโร่ขอโทษรัว โพสต์สร้างข่าวโดนแฮกเงินในบัญชีหลายแสน ป้ายผิดพิธีกรอนาคตพัง
ล่าสุด นิวัตร เหลืองศิริเชียร พิธีกรคนดังกล่าว ได้เดินทางไปที่สน.เตาปูน พร้อมนำหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย แชทรับงาน และเอกสารต่าง ๆ ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับขบวนการฉ้อโกงเงิน โดยระบุว่า การเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดใด ๆ กับใคร ทั้งผู้ว่าจ้างและตัวนายกษิดิศ วิเศษธนากร ซึ่งเป็นผู้โพสต์ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในช่วงแรก
เนื่องจากต้องการแค่ยืนยันว่า ตนเองม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแฮกข้อมูลเพื่อขโมยเงินในระบบ อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง และย้ำว่าตนเองมีเพียงหน้าที่การส่งมือถือให้ผู้โชคดีตามที่ผู้ว่าจ้างบรีฟงานมาเท่านั้น และการตัดสินใจรับงานดังกล่าวก็เนื่องมาจากระยะนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเป็นการรู้จักผ่านทางแอปพลิเคชั่นตัวหนึ่งที่เป็นเว็บไซต์จัดหาและรับจ้างงานแบบฟรีแลนซ์
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ที่ผ่านมาตนเองก็บกพร่องในการตรวจสอบข้อมูลของผู้ว่าจ้าง จนไม่สามารถนำเอกสารที่มีการยืนยันตัวตนผู้ว่าจ้างได้ เพียงแต่ก็รู้สึกเอะใจ เนื่องจากพบว่ากล่องบรรจุมือถือมีร่องรอยการแกะมาก่อน รวมถึงท่าทีร้อนรนของผู้ว่าจ้างขณะบรีฟงาน และได้รับค่าจ้างไม่ตรงตามที่ตกลง จากที่เดิม 5,000 บาท แต่ตนได้รับเพียง 2,500 บาท เท่านั้น
ขณะเดียวยังมีข้อพิรุธเรื่องรถยนต์ที่ผู้ว่าจ้างดำเนินการมารับตนไปส่งโทรศัพท์ ซึ่งพบว่าไม่ใช่ของบริษัทเครือข่ายมือถือที่ผู้ว่าจ้างกล่าวอ้าง รวมถึงการที่ผู้ว่าจ้างระบุ ว่ามาจากบริษัทมือถือเครือข่ายหนึ่ง และต่อมากลับพูดว่าเป็นอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกันกับที่เคยบอกไว้ตอนแรก
ทั้งนี้โดยปกติตนเองรับงานจากแอปฯ นี้มาเป็นเวลากว่า 2 ปี จึงไม่คิดว่าจะมีกลโกงแบบนี้ ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ตนเองกอบกู้ซื้อเสียงและการงานที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวมากลับเหมือนเดิม
ทางด้าน นายกษิดิศ เอง ก็โพสต์คลิปวีดิโอ ชี้แจงที่มาของเหตุดังกล่าวอีกครั้ง โดยอ้างเจตนาว่าที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย เพียงเพราะต้องการเตือนภัยให้กับทุกคนในสังคม ใช้ความระมัดระวังให้มากจากขบวนการมิจฉาชีพ และยืนยันตนเป็นผู้เสียหายจากการถูกโจรกรรมข้อมูล รวมถึงยังมีการข่มขู่ให้โอนเงินเพิ่มอีก 2 แสน แลกกับการไม่ต้องถูกโจรกรรมข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกในภายหลัง ทั้งเฟซบุ๊ก หรือ แม้แต่เว็บไซด์บริษัทของคุณแม่ ที่ผ่านมาเราจึงปล่อยเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ โดยไม่พยายามชี้แจงออกสื่อ
นอกจากนี้ นายกษิดิศ ยังระบุถึงสถานะตนเอง ว่า เป็นคนที่ไม่เคยไปก่อเหตุเสียหายใด ๆ ตั้งแต่เด็กจนถึงโต เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ก่อนย้ายไปที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ และจบปริญญาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึงยังเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ University of California, San Diego จึงยืนยันว่าสิ่งที่โพสต์เล่าทั้งหมดไม่มีเจตนาที่จะโพสต์หลอกใครแน่นอน
โดยการชี้แจงดังกล่าว ทำให้ยิ่งสับสนกับข้อมูลที่เกิดขึ้นว่า เงินจำนวนกว่า 3 แสนบาทที่หายไปนั้น เป็นกรณีเกิดขึ้นจากใคร อย่างไร หลังจากนายกษิดิศ ได้โพสต์เองว่า "ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจ ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว คนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ไม่ใช่แฮกเกอร์ ไม่ได้ขโมย OTP จากมือถือ แต่คือคนในครอบครัว หมดแรงจะสู้ ขออยู่เงียบๆ ซักพักนะครับ แล้วหลังจากนี้ ขอมุ่งหน้าทำงานตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ขอเป็นลูกคนเดียว ไม่ขอมีพี่น้องอีกต่อไปครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ขอบคุณครับ"
คลิกชมคลิปสำรอง
https://www.youtube.com/watch?time_continue=25&v=qNOqIK9eghM&feature=emb_title