- 20 ก.ค. 2563
ศบค.แถลง วันที่ 20 ก.ค.2563 ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย
วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 รายจากสิงคโปร์ ซึ่งเข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,250 ราย หายป่วยสะสม 3,096 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 96 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่จากสิงคโปร์ เป็นชายไทยอายุ 52 ปี อาชีพช่างไฟฟ้า เดินทางมาไทยถึงวันที่ 6 ก.ค. เที่ยวบินเดียวกับผู้ติดเชื้อที่รายงานไปก่อนหน้านี้ 1ราย เข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ จ.กรุงเทพฯ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ได้ตรวจเชื้อรอบแรกแล้วในวันที่4 ของการเข้าพักแต่ไม่พบเชื้อ ผ่านมา 11 วัน คือวันที่ 17 ก.ค.เป็นการตรวจเชื้อรอบที่สอง ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกยอดผู้ติดเชื้อรวม 14,641,819 ราย รักษาหายแล้ว 8,735,158 ราย เสียชีวิต 608,902 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับรายงานการตรวจตัวอย่างโควิด-19 กรณีการสอบสวนโรคในพื้นที่จ.ระยองและกทม. นั้น พื้นที่จ.ระยองมีการตรวจโรคไปแล้วทั้งสิ้น 6,501 ราย ไม่พบเชื้อ 6,287 ราย อยู่ระหว่างรอผล 214 ราย และจะครบระยะเพาะเชื้อในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ขอให้สบายใจได้ ขณะที่พื้นที่กทม.ตรวจไปแล้ว 364 ราย ไม่พบเชื้อถ้าให้พูดภาษาชาวบ้าน พื้นที่กทม.เราปิดเคสไปแล้ว ทั้งนี้ หากในอนาคตมีการติดเชื้อภายในประเทศก็ไม่เกินความคาดหมาย เราจะได้ระมัดระวัง เพราะสถานการณ์มีผู้ติดเชื้อจำวนมาก ก่อนหน้านี้เราเคยมีผู้ติดเชื้อ หลักหน่วย หลักสิบไปถึงหลักร้อย ที่สำคัญเราต้องรับมือให้ได้ เพราะจะทำให้เราสบายใจ และเมื่อวันนี้ทุกคนต่างกลัว สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทรุดไปทั้งโลก ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวิถีใหม่จะพึ่งกระแสการท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างเดียวไม่ได้ เพราะชัดเจนแล้วว่าเราเองก็ไม่อยากให้เขาเข้า เขาเองก็ไม่อยากจะเดินทาง ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นวิถีใหม่อื่นๆที่เราจะคิดและทำกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินทางเข้าประเทศในวันเดียวกันนี้มี 5 เที่ยวบิน จำนวน 630 คน ส่วนตอนนี้มีคนไทยเรียกร้องต้องการจะเดินทางกลับประเทศจำนวนมากจะขยายโควตาเพิ่มหรือไม่ ที่ผ่านมาเราทำอย่างเต็มที่จากเดิมรับได้ 200 คน วันนี้เพิ่มมาเป็น 600 คน ซึ่งต้องใช้คนดูแลจำนวนมาก ยืนยันทำเต็มที่ ตัวเลข 600 คนถือว่าเต็มศักยภาพในตอนนี้ สำหรับคนที่ไปศึกษาที่ต่างประเทศก็คงมีศักยภาพ หากเข้ามาอยู่มนสถานกักตัวที่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว เป็นไปได้หรือไม่ ถ้าเข้ามาแล้วจะเสียค่าใช้จ่ายเองและตอนนี้สถานที่กักตัวดังกล่าวมีไม่เพียงพอ เราจะขยายตรงนี้ก่อน ส่วนที่มีประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดกังวลกรณีมีนักการทูตฯอาศัยอยู่ในคอนโดเดียวกันนั้น ขอชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ทางการทูตฯส่วนใหญ่อยู่ในไทยมานาน และคอนโดฯก็เป็นบ้านของเขา สำหรับคนที่ไปทำภารกิจที่ต่างประเทศแล้วเดินทางกลับมานั้น ขณะนี้เขาก็ไปพักที่สถานที่กักตัวของรัฐ ตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะเราขอความร่วมมือผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังทุกสถานทูตฯ เมื่อเข้ามาในประเทศเราต้องไปอยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐให้การรับรอง 14 วัน เมื่อเขาออกมาก็จะเหมือนกับเรา เหมือนคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีก่อนหน้านี้ อย่ากังวลใจ
และล่าสุด ที่นิตยสารนิวยอร์กไทมส์ ตั้งคำถามกับทั้งโลก ว่าเป็นที่วัฒนธรรมการไม่สวมกอด ภูมิต้านทานของคนไทย หรือการสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ ที่เป็นสาเหตุทำให้ผลการดูแลโควิด-19 ของเราดี จนเป็นที่ชื่อชมของคนทั้งโลก แต่ตนในฐานะโฆษกศบค.ขอบอกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ เป็นเพราะผลการปฏิบัติตัวของไทยที่ให้ความร่วมมือกัน
เมื่อถามถึงการผ่อนคลายระยะที่ 6 ที่จะให้ชาวต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติม รวมถึงกองถ่ายภาพยนตร์ จะเป็นรูปแบบใดบ้าง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พิจารณาจะอนุญาต 4 กลุ่ม คือ 1.ต่างชาติจัดการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร โดยเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มาก เข้ามาในวัน เวลาที่กำหนด 2.อนุญาตต่างชาติถ่ายทำภาพยนตร์ โดยมีตารางกำหนดแผน วัน และเวลา สามารถควบคุมได้ 3.แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาตที่จะเข้ามา เป็นแรงงาน เนื่องจากนี้เราขาดแงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหาร และการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องใช้คนจำนวนมาก จึงต้องเปิดให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน และ 4.กลุ่มที่เข้ามารักษาพยาบาล เช่น เสริมความงาม และปรึกษาเรื่องการมีบุตร เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่เข้ามาจะต้องอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ 14 วันหรือกักตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน อย่างไรก็ตา คณะกรรมการฯเตรียมเสนอที่ประชุมใหญ่ศบค.พิจารณาในวันที่ 22 ก.ค.นี้