ศบค.พิจารณาข้อตกลงพิเศษอนุญาตให้ 4 กลุ่มเข้าไทย

ศบค.พิจารณาข้อตกลงพิเศษอนุญาตให้ 4 กลุ่มเข้าไทย

วันที่ 22 ก.ค. 2563 เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า นายกฯขอบคุณประชาชนในพื้นที่จ.ระยองและกทม.ในการรับมือสถานการณ์ช่วงที่ผ่านมา พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานขอว่าอย่าได้ท้อ อย่าถอย  เพราะโรคนี้อยู่กับเราไปอีกนานพอสมควร  แต่จะต้องรักษาสมดุลเรื่องสุขภาพและเศรษฐกิจ มีแผนการทำงานเชิงรับ เชิงรุก และแผนเผชิญเหตุที่ต้องจัดการ พร้อมรับฟังเสียงและความคาดหวังของประชาชนที่ต้องเป็นไปตามความเป็นจริงเพิ่มเติม รวมถึงเพิ่มเติมการสื่อสารไปถึงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ และที่สำคัญเราได้รับรถพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ดูแลประชาชนจ.ระยอง ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะครบ 14 วัน ก็จะสามารถสร้างความมั่นใจได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้นายกฯยังห่วงใยกรณีมีการชุมนุม ซึ่งต้องรักษาสมดุลจัดการ เว้นระยะห่าง เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อ  

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 6  ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,261 ราย หายป่วยสะสม 3,105 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 98ราย  ผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย  

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 4 รายเป็นนักศึกษาที่เดินทางกลับจากประเทศอียิปต์ ถึงประเทศไทยวันที่ 8 ก.ค. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 21 ก.ค. โดยเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้แล้ว 11 ราย 
ส่วนรายที่ 5 เป็นหญิงไทยอายุ 36  ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ถึงประเทศไทยวันที่ 10 ก.ค. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐกทม. ตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 20 ก.ค ไม่มีอาการ 

ขณะที่รายที่ 6 เป็นหญิงไทยอายุ 57 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางกลับจากเยอรมัน ถึงประเทศไทยวันที่ 16 ก.ค.เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐกทม. ตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 20 ก.ค. ไม่มีอาการ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก 

ยอดผู้ติดเชื้อรวม 15,093,712 ราย  ถือว่าแตะยอด 15 ล้านเป็นวันแรก โดยมียอดเพิ่มขึ้นถึง 2 แสนกว่าราย เสียชีวิต 619,467  ราย จึงถือว่าสถานการณ์โลกยังถือว่าวิกฤติ  

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณา ความเหมาะสมการขยายเวลาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาฯสมช.ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  เสนอที่ประชุมว่า สถานการณ์โลกยังมีความรุนแรง ช่วงนี้มีคนไทยและชาวต่างชาติได้รับการผ่อนผ่อนเข้ามาประเทศไทยต่อเนื่อง รวมถึงการผ่อนคลายต่างๆก็มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น จึงขอขยายเวลาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน เพื่อให้มีอำนาจตามกฎหมายในเชิงป้องกัน และควบคุมโรค รวมถึงการเดินทางเข้า-ออกประเทศทุกช่องทาง และให้การป้องกันโรคมีประสิทธิภาพ สามารถบูรณาการเจ้าหน้าที่ได้  ซึ่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินถือเป็นเครื่องมือสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านจนกว่าจะมีกฎหมายอื่นมารองรับ โดยหลังจากนี้จะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาข้อตกลงพิเศษให้กลุ่มนักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ และนักการทูตฯจัดทำความร่วมมือช่องทางพิเศษ แต่ทั้งหมดเมื่อเข้ามาแล้วต้องอยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐรับรอง โดยจะให้กระทรวงการต่างประเทศไปทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป 

 

ศบค.พิจารณาข้อตกลงพิเศษอนุญาตให้ 4 กลุ่มเข้าไทย

ในส่วนของการบริหารจัดการแร่งงานต่างด้าว  3 สัญชาติ คือ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นแรงงานไร้ฝีมือในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร  ขณะนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีใบอนุญาตการทำงาน และวีซ่าแล้ว จำนวน 69,235 คน และกลุ่มที่ยังไม่มีใบอนุญาตทำงานและวีซ่า จำนวน 42,168 คน 

คนกลุ่มนี้เมื่อเดินทางเข้ามาต้องมีหนังสือรับรองแพทย์ ผู้ประกอบการต้องวางเงินประกันค่าใช้จ่ายก่อนนำแรงงานเข้ามา  ซึ่งการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้องมีการตรวจสุขภาพ อบรม ณ สถานที่กักตัว รับใบอนุญาตทำงานเมื่อครบกำหนดกักตัว และนายจ้างต้องจัดยานพาหนะมารับแรงงานดังกล่าว เมื่อแรงงานถึงสถานที่ทำงานแล้ว ต้องรายงานให้สาธารณสุขจังหวัดรับทราบ และจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบ ติดตาม ทั้งนี้ การจะให้ทั้งหมดเข้าไปอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ ถือว่ามีต้นทุนที่สูง เพราะตกอยู่ที่ 2 หมื่นบาทต่อคน จึงมีแนวคิดให้เจ้าของกิจการจัดพื้นที่ขึ้นมา เพื่อให้แรงงานกักตัวมากกว่า 1 คนต่อห้อง  โดยต้องมีมาตรฐานและระบบป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้ออกนอกพื้นที่ ซึ่งตรงนี้จะให้กระทรวงแรงงานไปพิจารณารายละเอียดและดำเนินงานต่อไป

 

ศบค.พิจารณาข้อตกลงพิเศษอนุญาตให้ 4 กลุ่มเข้าไทย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า  นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติในหลักการให้ชาวต่างชาติเข้ามาจัดการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป โดยมีแนวทางปฏิบัติที่เข้ามาแล้ว ต้องอยู่ที่โรงแรมที่ได้รับการรับรองมีเจ้าหน้าที่ดูและ 1 ต่อ 10 คน  ตรงนี้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องต์การมหาชน) หรือ สสปน. จะเป็นผู้ดำเนินการในรายละเอียด อีกทั้งยังมีการอนุมัติในหลักการสำหรับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาถ่ายทำภาพยนต์ในประเทศ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีมูลค่าสูง ตรงนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดำเนินการในรายละเอียดก่อนจะเปิดให้เข้ามาในช่วงที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์ที่จ.ระยองคลี่คลายแล้ว การแถลงศบค.จะปรับการแถลงให้เหลือแค่วันจันทร์ พุธและศุกร์ โดยตนจะแถลงวันจันทร์และวันศุกร์ ส่วนวันพุธจะให้พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงที่กระทรวงสาธารณสุข