แม่จารุชาติ เชื่อลูกตายเอง ยันไม่รับเงินเป็นพยานคดี "บอส อยู่วิทยา"

จากเหตุการณ์ นายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานคนสำคัญในคดี "บอส อยู่วิทยา" เสียชีวิตจากเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ของนายสมชาย ตาวิโน อายุ 50 ปี เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของเช้าวันที่ 30 ก.ค.63 ที่ผ่านมา บริเวณแยกฟ้าธานีถนนห้วยแก้วในตัวเมืองเชียงใหม่

ซึ่งนางตา วังมูล อายุ 76 ปี แม่และญาติของนายจารุชาติ กำลังเคลียร์สถานที่รวมถึงจัดการเรื่องเงินภายหลังจัดงานศพเสร็จสิ้น นางตา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดเชียงใหม่มาพูดคุยกับตน ขอนำศพกลับไปผ่าพิสูจน์อีกครั้ง ซึ่งในตอนแรกตนไม่อยากให้นำกลับไป เพราะอยากจัดพิธีเผาศพให้เสร็จสิ้น แต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อนเพื่อให้สิ้นข้อสงสัย
 

แต่ส่วนตัวยังเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ เพราะจากภาพในกล้องวงจรปิดลูกชายขับรถตามหลังคู่กรณี ก่อนขับไปชนท้ายด้วยตัวเอง ซึ่งบาดแผลที่เห็นมีแผลถลอกบริเวณใบหน้าด้านซ้าย น่าจะเกิดช่วงที่ล้มแล้วหน้าไถลไปกับพื้นถนน รวมถึงทราบว่าม้ามแตกจนทำให้มีเลือดออกในช่องท้อง ก็คาดว่า น่าจะถูกแฮนด์รถจักรยานยนต์กระแทกบริเวณดังกล่าว

ซึ่งลูกชายตนเป็นคนตัวใหญ่ การที่รถชนแล้วล้มลงไปฟาดถนนด้วยความแรงก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง ส่วนที่นายสมชาย คู่กรณีกลับคำให้การจากตอนแรกที่บอกไม่รู้ตักนายจารุชาติ แต่ภายหลังพบว่ามีการพูดคุยกันในร้านเหล้า และชักชวนกันไปดื่มต่อนั้น ตนยังไม่ทราบข่าว แต่คิดว่าเป็นธรรมดาที่คนไปกินเหล้าร้านเดียวกันแล้วมีโอกาสได้พูดคุยกัน โดยลูกชายของตนเป็นคนอัธยาศัยดี สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
 

นางตา ยังยืนยันว่าตนไม่เคยทราบเรื่องที่ลูกชายไปเป็นพยานในคดีสำคัญ ที่นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในปี 2555 เพราะปกติลูกชายไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ส่วนเรื่องที่อยู่และหน้าที่การงานของลูกในเชียงใหม่ ตนก็ไม่เคยรู้ว่าอยู่ที่ไหนกับใคร หรือมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังกล่าวหรือไม่ เพราะตนเพิ่งรู้ว่าลูกชายทำงานอยู่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ทางโรงพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกประสบอุบัติเหตุ

โดยก่อนหน้านี้คิดมาตลอดว่าลูกชายทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ลูกชายมาเยี่ยมที่บ้าน บอกว่าทำงานก่อสร้าง หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่มีโทรศัพท์มาหาครั้งสุดท้ายประมาณ 1 เดือนก่อนเกิดเหตุ เป็นการพูดคุยถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไปเท่านั้น

 

 

นางตา ระบุอีกว่า ตนมั่นใจว่าลูกชายไม่มีทางไปรับเงินเพื่อไปเป็นพยานในคดีสำคัญอย่างแน่นอน เพราะหากเป็นเช่นนั้น ลูกก็ต้องมีเงินส่งมาให้ตนเป็นกอบเป็นกำ แต่ตอนนี้จะเห็นได้ว่าตนยังไม่มีเงิน อยู่บ้านไม้เก่าๆ และยังต้องทำงานเลี้ยงชีพ
โดยที่ผ่านมานายจารุชาติ จะส่งเงินมาให้บ้าง เพื่อให้น้องแพร ลูกสาววัย 15 ปี ได้ใช้ไปโรงเรียน ซึ่งจะส่งมาไม่แน่นอน บางครั้งก็หลักร้อย มากที่สุดคือ 3,000 บาท แต่ไม่ได้ส่งมาทุกเดือน ก่อนหน้านี้ลูกชายยังเคยเป็นหนี้กว่า 10,000 บาท ตนยังต้องจ่ายแทนให้

 

 

สำหรับการจัดงานศพลูกชายที่ผ่านมา ตนก็ยังไม่ได้พบนายจ้างของลูกชายที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ที่จะมาร่วมงาน หรือมอบเงินก้อนมาทำบุญ โดยตนยังงงว่าลูกชายมีนายจ้างที่ไหน ส่วนค่าใช้จ่ายภายในงานอยู่ที่ประมาณ 200,000-300,000 บาท ตอนนี้กำลังนับเงินที่ได้จากการทำบุญไปเคลียร์หนี้ที่เกิดจากการจัดงานทั้งหมด โดยเชื่อว่าน่าจะขาดทุน ทั้งนี้ยอมรับว่าเครียดมาก หลังมีข่าวออกมา เพราะทางครอบครัวไม่ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น