- 07 ส.ค. 2563
ตัดสินใจโพสเรื่องนี้แบบละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ปกครองทุกท่านนะคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 เวลาตีห้าครึ่ง (ยาวหน่อยนะคะ) เราอาศัยในคอนโดในเมืองค่ะ ไม่ใกล้ไม่ไกลรถไฟฟ้าย่านพระโขนง อ่อนนุช (ขอยังไม่บอกชื่อโครงการนะคะ)
ตัดสินใจโพสเรื่องนี้แบบละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ปกครองทุกท่านนะคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 เวลาตีห้าครึ่ง (ยาวหน่อยนะคะ) เราอาศัยในคอนโดในเมืองค่ะ ไม่ใกล้ไม่ไกลรถไฟฟ้าย่านพระโขนง อ่อนนุช (ขอยังไม่บอกชื่อโครงการนะคะ)
#ตอนตีห้า ลูกปวดท้องอึ๊ แบบท้องเสีย เลยรีบลุกพาลูกเข้าห้องน้ำ และปกติลูกจะชอบนั่งอึคนเดียว ให้แม่มายืนรอหน้าห้อง. วันนี้ #ลูกขอเข้าห้องน้ำแบบปิดไฟเพราะง่วงและแสบตา เราก็เลยเปิดไฟห้องนั่งเล่นแทน ให้มีแสงสลัวๆเข้ามาในห้องน้ำค่ะ
#ตอนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ได้ยินลูกพูดว่าปวดท้องมาก แม่เลยเข้าไปดูสภาพอึในโถหน่อย ก็เห็นอึเหลวๆออกมาเลยจากก้นตามปกติเด็กท้องเสีย แต่ในโถส้วม เห็นมีอึที่มีสภาพดูยาวๆมาก. คิดว่าท้องเสียหนัก #เลยกดชักโครกรอบนึงก่อน. ล้างก้นเรียบร้อย. #และกดชักโครกอีกรอบ! (กดชักโครกไปทั้งหมด 2 รอบ ในครั้งแรก)
แต่ลูกบอกว่า ยังไม่อยากลุก! เพราะยังปวดท้องอยู่ ขอนั่งเบ่งต่ออีกแป๊บ. โอเคค่ะลูก แม่ออกมายืนรอข้างนอกห้องน้ำอีกรอบ
สักพัก... ลูกบอกว่าอึไม่ออกแล้วค่ะแม่ ง่วงแล้ว. แม่เลยเข้าไปจะล้างก้นให้ #รอบนี้เปิดไฟห้องน้ำละ ส่องมองในโถส้วม ก็เอ๊ะ! ....
"ไหนบอกไม่อึไงลูก? ทำไมมีอึออกมายาวๆอีก?" ... แต่!!!! เราเอะใจแปลกๆ (และคิดในใจว่า ใช่รึเปล่านะ!!?? ) เลยตัดสินใจ อุ้มลูกขึ้นจากโถส้วมก่อนเลยทันที ขอดูชัดๆโดยด่วนว่ายังไงกันแน่!
#ทันใดนั้น เวลาเสี้ยววินาที #ขณะที่เราอุ้มลูกออกจากโถ #งูก็พุ่งตัวออกมาจากส้วม ฉกเข้าที่ก้นของลูก ในขณะที่เรากำลังดึงตัวลูกหนี เราล้มลงบนพื้นห้องน้ำทั้งที่มืออุ้มลูกอยู่ #แต่ก็ไม่พ้นค่ะ รู้สึกได้เลยว่า เราดึงลูกออกจากฟันของงูที่เกาะเนื้อก้นของลูกเรา
สามีได้ยินเสียงกรี๊ดดด #ลูกโดนงูกัดดด รีบพุ่งตัวออกจากห้องนอนมาช่วยเร็วมาก.
#สิ่งแรกที่ทำเลยคือ เราอุ้มลูกขึ้นบ่า ให้หัวลูกสูงๆไว้. เอากระดาษซับเลือดที่ก้น บีบเลือดออก และคว้ากุญแจรถ บอกสามีว่าจะไปโรงพยาบาลทันที. (ไม่แต่งตัวเลยย ไปแบบชุดนอนนี่แหละ)
สามีให้เราวิ่งเอาลูกไปที่รถก่อน #เพื่อเค้าจะเข้าไปดูในห้องน้ำว่างูอะไร?? เราต้องรู้ว่ามีพิษหรือไม่?? แต่งูหนีกลับเข้าคอห่านไปแล้ว. สามีเลยไปบอกให้รปภ. มาสานต่อในการหางูต่อไป และพวกเราก็ดิ่งไปโรงพยาบาลกัน!
ตอนนั้นตกใจมาก บอกตรงๆว่ากลัวลูกเป็นอะไรไป
ก็เลยบอกให้สามีดูดพิษออกก่อนไม่ว่าจะงูอะไรก็เถอะ.. สามีลังเลอยู่แค่ 2 วิ! แต่สามีก็ทำค่ะ ดูดบ้วน ดูดบ้วน ดูดบ้วน สามที ล้างปาก และวิ่งพวกเราก็วิ่งไปขึ้นรถ
ตรงนี้ขอบอกว่า #ไม่ควรทำนะคะ!! เพราะถ้าเป็นงูพิษ แบบงูเห่า สามีเราจะตายก่อนเลยค่ะ
#ในรถ สามีขับไป ชวนลูกคุยไปตลอดทาง และบอกลูกตรงๆเลยว่า "หนูถูกงูกัดนะลูก" และถามลูกตลอดว่ามีอาการดังนี้มั้ย? #มึนหัวมั้ย #จะอ้วกมั้ย #หายใจไม่ออกรึเปล่า?
ลูกบอกว่าไม่มีอาการ แต่แสบร้อนบริเวณแผลที่ก้น.
#ระหว่างทางในรถ แม่เปิดก้นลูกไว้ ดูแผลตลอดทาง ว่าแผลแย่ลงแค่ไหน? มีอาการม่วง บวม ช้ำมากขึ้นมั้ย? (สรุปว่าแผลไม่แย่ค่ะ มีแต่เลือดออก)
จากบ้านถึงรพ. ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีค่ะ พุ่งไปที่แผนกฉุกเฉิน.
#ถึงหมอแล้ว!! หมอล้างแผล และดูรอยกัด
#รอยกัดงูไม่มีพิษจะมาเป็นแผงๆแบบหลายๆซี่
#รอยกัดงูพิษจะมาเป็นสองรูใหญ่ๆลึกๆ
โชคดีมาก งูที่กัดคือ งูเหลือม ไม่มีพิษถึงชีวิต
แต่ก็อาจมีพิษและเชื้อโรคอีกหลายอย่างที่ทำให้ป่วยได้. เช่น เลือดออกไม่หยุด แบคทีเรียกินเนื้อ เป็นต้น
(เฮ้ออออ โล่งอกไปหนึ่งเรื่อง)
หมอเจาะเลือดไปตรวจตามลิสต์ทุกอย่าง. ให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ และ แอตมิตนอนรพ.ดูอาการ.
ตอนนี้ลูกปลอดภัยแล้ว มีแค่ไข้ขึ้น จากการอักเสบของแผลค่ะ และหมอก็ตรวจเลือดเพิ่ม และให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ เป็นระยะๆ. และคอยเช็คว่าแผลอักเสบขึ้นมั้ย
ต้องขอบคุณสามี คือนางสุดมาก สามารถทำให้ลูกไม่เครียดเลยตลอดทาง และลูกร่าเริงมากแม้รู้ว่างูกัด ซึ่งนั่นคือสำคัญมากๆ ห้ามให้ลูกเครียดค่ะ.
สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องนี้นะคะ
1. แอลกอฮอล์ขวดใหญ่ๆควรมีติดบ้าน เอาไว้ราดลงคอห่าน หรือราดเข้าปากงู งูจะเกลียด เพราะมันทำให้งูหายใจติดขัด
2. กลางดึก อย่าเข้าห้องน้ำมืดๆ ให้เปิดไฟตลอด
3. งูเหลือม งูหลาม ไม่มีพิษ แต่จะกัดแบบไม่ปล่อยเหยื่อย กัดจนเนื้อเราฉีกขาดได้ ดึงยังไงก็จะดึงไม่ออก. #ให้ราดแอลกอฮอล์เข้าปากงู งูจะปล่อยเราทันที
4. งูไม่มีพิษกัด ก็ต้องรีบไปรพ.เช่นกัน เพราะอาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายมากได้
5. การเอาเชือกมัดปากแผลที่งูกัด / เอาน้ำแข็งประคบ / เอาปากดูดพิษ คือความเชื่อที่ผิด ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
ควรทำแค่เอาน้ำล้างแผล ถูสบู่ แล้วรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดค่ะ
‼แก้ไขเรื่อง #PTSD อย่างไร?‼ (อาการหวาดกลัวหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น การกลัวโถส้วม ที่จะส่งผลให้ลูกมีปัญหาการขับถ่าย)
1.) #พ่อแม่ต้องไม่แสดงอาการ กลัว กังวล ให้ลูกเห็น ให้ใช้ชีวิตปกติที่สุด
2.) #กลับเข้าบ้านวันแรก ถามลูกก่อนเลย ว่า มีความกังวลมุมไหนของบ้านบ้าง? พาลูกสำรวจบ้านทุกมุม เพื่อให้เค้าเห็นว่า ไม่มีอะไรแล้ว.
3.) #ทำให้ลูกรู้สึกว่าเค้าเป็นคนพิเศษ ที่ผ่านเรื่องเหลือเชื่อมาได้อย่างฉลุย!! ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
4.) #สร้างบรรยากาศดีๆในบ้าน ลบความทรงจำร้ายๆ เช่น family dinner / movie time with mom and dad / candy party / friends visiting
5.) #คุณหมอและยาวิเศษ! ข้อนี้ คุณหมอแนะนำและเสนอมาเองเลยค่ะ โดยการให้เครื่องมือขจัดความกลัว แบบใช้จินตนาการของเด็กค่ะ เพียงหยดยาวิเศษนี้ลงในโถส้วม แล้วงูจะไม่โผล่มาอีก *ข้อนี้เอามาใช้เพื่อให้น้องยอมขับถ่ายให้ปกติที่สุดค่ะ*
ตอนนี้ผ่านมา 5 วันแล้ว ลูกยังคงกลัวอยู่ลึกๆ ไม่ยอมนั่งโถเดิมแบบปกติเลยค่ะ ก็ต้องยอมให้อึกระโถนไปก่อน เพื่อสุขภาพลำไส้ที่ดีค่ะ... ส่วนที่เหลือ คงต้องใช้เวลาเยียวยา และค่อยๆปรับกันไปค่ะ
ขอให้ผู้ปกครองทุกท่าน ดูแลลูกน้อยกันเป็นพิเศษนะคะ ช่วงนี้อากาศชื้นมาก. ระวังตัวกันไว้ก่อนไม่เสียหายค่ะ