- 11 ส.ค. 2563
วิชา มหาคุณ สอนมวย ผบ.ตร. อ้างมอบอำนาจ ผู้รับชอบคดี บอส อยู่วิทยา แล้วถือเป็นสิทธิ์ขาด เนื่องมีข้อกม.ระบุชัด ผู้บังคับบัญชาองค์กร ต้องติดตามคดีไม่ให้เกิดช้อผิดพลาด
ความคืบหน้าการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณี นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง พิจารณามีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และ ทางด้าน พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความเห็นไม่แย้งคำสั่ง จนทำให้คดีดังกล่าวสิ้นสุดลง
ล่าสุด นายวิชา มหาคุณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ภายหลังเชิญ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาชี้แจง ว่า ผบ.ตร.ได้อธิบายถึงกระบวนการทำงานในระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเมื่อสั่งการหรือมอบอำนาจไปแล้วก็ถือเป็นการมอบสิทธิ์ขาดให้ จึงไม่ได้ติดตามดูกรณีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่มี พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผู้สั่งคดี ว่ามีรายละเอียดอย่างไร ไม่ได้รับรู้ในสาระสำคัญทางคดี
ทางคณะกรรมการฯจึงให้ข้อสังเกตไปว่า ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและพ.ร.บ.ตำรวจ มีข้อกำหนดเรื่องการมอบอำนาจอยู่ โดยผู้บังคับบัญชาสามารถติดตามดูในรายละเอียดได้ว่าจะต้องแก้ไขหรือไม่ รวมไปถึงการถอนอำนาจ ทาง พล.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. จึงยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาดที่จะต้องไปแก้ไขโดยด่วน ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินมาตรา 40 วรรค 2 ที่ระบุว่าผู้มอบอำนาจแล้วจะต้องติดตามและแก้ไขได้หากมีข้อผิดพลาด และถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่รู้เรื่องก็สามารถสอบถามและปรึกษากับทีมกฎหมายหรือที่ปรึกษาได้ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กร
"ทางผบ.ตร.ได้รับปากอยู่ 2 เรื่องคือ 1.จะไปแก้ไขระบบการมอบอำนาจไม่ให้มีช่องโหว่ที่จะให้เกิดกรณีอย่างเช่นคดีนายวรยุทธอีก 2.จะไปดูคดีนายวรยุทธ หลังจากที่ไม่ได้ดูมาเลย โดยจะไปเรียกสำนวนและหารือร่วมกับสำนักกฎหมายและคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตช.) ซึ่งถ้าสามารถทำให้คดีนั้นไม่ยุติได้ ผบ.ตร.ก็จะทำ โดยตนได้แจ้งให้ผบ.ตร.ทราบแล้วว่า เจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ หรือคณะกรรมการฯเห็นว่าจะต้องทำให้สิ่งที่ค้างคาใจของผู้คนให้หมดไป ทั้งนี้คณะกรรมการฯได้เผยแพร่คิวอาร์โค้ด ที่จัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าไปหรือผู้ที่มีข้อมูลเสนอแนะเข้ามาได้ด้วย"
นายวิชา กล่าวอีกว่า วันนี้ถือว่าได้ความคืบหน้ามากที่สุด โดย ผบ.ตร.รับปากว่าจะไปทบทวน รับปากว่าจะเปลี่ยนแปลงให้มีการสั่งฟ้องได้ หากสามารถเริ่มกระบวนการสั่งไม่ฟ้องใหม่ได้ ท่านก็ยินดีจะทำ ซึ่งท่านรับปากกับตนอย่างลูกผู้ชาย และลงนามในข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้หากคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ตรวจพบว่ามีผู้กระทำความผิด ท่านจะนำตัวคนผิดมาลงโทษ และคำชี้แจงเหล่านี้ ก็จะนำไปเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาและดำเนินการ ให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการฯ กับ ผบ.ตร. ซึ่งลงนามไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามวันนี้ตำรวจไม่ได้รายงานผลสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะทำงานตำรวจแต่อย่างใด และคณะกรรมการชุดนี้ไม่เกี่ยวในจุดนั้น แต่จะเกี่ยวข้องกับในจุดที่สามารถแก้ไขได้
“เรื่องความเห็นแย้งของตำรวจที่ไม่มีการตรวจสอบอะไรเลย จุดนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ ผบ.ตร.จะนำกลับไปแก้ไข และเราจะรายงานนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลตำรวจให้ท่านจัดการ ให้เป็นไปตามสิ่งที่เราตรวจสอบ คือเรามีข้อเสนอแนะ 2 อย่าง คือ 1.ปรับปรุงระเบียบข้อบังคับให้เป็นไปตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และ 2.ต้องเป็นไปตามระเบียบของตำรวจด้วย” นายวิชา กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง จะมีผลกระทบต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า นายเนตรลาออกยังไม่มีผลทันที ตนเข้าใจว่าอย่างนั้น และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่ว่าสถานะของนายเนตรเป็นอย่างไร รวมถึงนายเนตรยังอยู่บัญชีรายชื่อที่จะต้องเชิญมาชี้แจง และถึงจะลาออกไปแล้ว เราก็มีอำนาจในการเรียกมาชี้แจงอยู่ เพราะมีอำนาจตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะสรุปผลการทำงานตลอด 10 วันที่ผ่านมา เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีโดยคาดว่าจะสรุปให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาประมาณ 2 หน้ากระดาษ