คณะแพทย์ชลบุรี แจงละเอียด 2 ลูกชายนายทหารเรือ ปอดติดเชื้อเสียชีวิตกะทันหัน

สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดว่า ลูกชายนายทหารเรือเสียชีวิตกะทันหัน ซึ่งแพทย์ระบุปอดติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนอีกคนถูกวินิจฉัยว่าปอดระเบิดหายไปเลย ทั้งนี้ น.ท.ประกิต หุตะเจริญ พ่อของหนึ่งในผู้เสียชีวิตกล่าวว่า หลังได้รับแจ้งว่าลูกชายป่วยก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากลูกชายไม่เคยเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลมาก่อนเลย โดยป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 และเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ช่วงเวลา 18.00 น. ได้รับแจ้งว่าลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว โดยแพทย์ลงความเห็นในใบมรณบัตรว่า เสียชีวิตด้วยโรคปอดติดเชื้อ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ส.ค.63 ลูกชายได้โทรศัพท์บอกว่าป่วยอยู่โรงพยาบาลชลบุรี และได้คุยกับแพทย์ที่รักษาแจ้งว่าลูกชายมีอาการไม่ค่อยดี ปอดติดเชื้อแบคทีเรีย โดยแพทย์ได้แจ้งให้ทราบอาการป่วยของลูกชายเป็นระยะ และมาทราบอีกครั้งว่าลูกเสียชีวิตแล้ว
 

"ลูกชายไม่เคยมีอาการเจ็บป่วยมาก่อนหน้านี้เลย เพียงแต่มีภูมิแพ้และมีน้ำหนักมาก ลูกชายทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่ กทม. และเคยเดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือน ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา จากนั้นไม่ได้เจอกันเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ซึ่งเป็นการเสียชีวิตที่เร็วมาก"

ด้าน น.ต.ศรายุทธ พิณเพราะ เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนจ่าทหารเรือ 19 กล่าวว่า ลูกชายตนเอง อายุ 39 ปี ก็ป่วยในลักษณะคล้ายๆ กันนี้ แพทย์วินิจฉัยว่าปอดหายไป 1 ข้าง อีกข้างปอดระเบิด รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลในพื้นที่สัตหีบ ซึ่งเป็นอาการป่วยที่รวดเร็วมาก

โดยลูกชายของ น.ต.ศรายุทธ พิณเพราะ ได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 ส.ค.จากการสอบถามถึงอาการป่วยทั้งสองกรณีดังกล่าวไปทางสาธารณสุขอำเภอสัตหีบ เปิดเผยว่ายังไม่ทราบถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของทั้งสองรายในพื้นที่สัตหีบ อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ทุกคนการ์ดอย่าตก อย่าประมาท คงยังต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ กินร้อนช้อนตนเอง และหากมีอาการไข้ที่ผิดปกติ ควรแจ้งและเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ

ล่าสุด เพจ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สสจ.ชลบุรี ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ตามที่มีข่าวว่ามีลูกนายทหารที่สัตหีบเสียชีวิตสองราย
ขอทำความเข้าใจดังนี้

- รายแรก เป็นชาย 35 ปี มีโรคประจำตัวได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชน 1 วัน ก่อนส่งมาโรงพยาบาลชลบุรี ด้วยปอดอักเสบรุนแรงจากเชื้อแบคทีเรีย ได้คัดกรองโควิดมาก่อนแล้ว อยู่โรงพยาบาลชลบุรีเพียงสามชั่วโมง เสียชีวิตจากระบบหายใจล้มเหลว

- รายที่สอง มีโรคประจำตัวเพิ่งกลับจากโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ด้วยติดเชื้อในกระแสโลหิตดีขึ้นแล้ว กลับมาโรงพยาบาลใหม่ด้วยปอดติดเชื้อและมีภาวะแรกซ้อนคือลมรั่วในช่องปอด ได้รับการรักษาตามมาตรฐาน ญาติ(ภรรยา)ขอให้รักษาแบบประคับประคอง palliative care ก่อนเสียชีวิต

ทั้งสองราย
1. มิได้ติดเชื้อ COVID-19
2. มิได้ปกปิดอะไร
3. มิได้เกี่ยวกับ SQ
ตามที่สื่อsocialลือกัน

ได้ชี้แจงกับสื่อที่ถามมาตามความจริงทั้ง 3 ประเด็น
นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี
16 สิงหาคม 2563"

โดย นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กล่าวได้เพิ่มเติมถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีมีผู้เสียชีวิตภาวะปอดอักเสบ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เพราะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หรือไม่ ว่า ขอยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ข้อเท็จจริงคือมีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบจริง 2 ราย แต่ตรวจสอบแล้วไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งทางแพทย์ได้แจ้งญาติให้ทราบแล้ว แต่ด้วยจรรยาบรรณ และสิทธิผู้ป่วยไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มาก แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือมีการตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่การเสียชีวิตจากโควิด-19 แน่นอน 

นพ.อภิรัต กล่าวว่า นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ไม่ได้มีประวัติเสี่ยงสัมพันธ์กับเชื้อโควิดเลย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานที่แยกกักโรคของรัฐในจ.ชลบุรี ส่วนที่มีรายงานว่ามี 1 รายเดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็เป็นประวัติการเดินทางเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งขณะนั้นประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือ เป็นการเดินทางที่นานมากแล้ว แล้วน่าจะเอามาเกี่ยงโยงกันเอง

“ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข มีข้อกำหนดว่าหากเจอผู้ป่วยปอดอักเสบเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลต้องดำเนินการคุมเข้มตามมาตรการควบคุมโรค คือแยกผู้ป่วยออกจากคนอื่นๆ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกราย ซึ่ง 2 รายนี้เราก็ดำเนินการตามมาตรฐานทุกอย่าง ตรวจแล้วไม่เจอเชื้อโควิด-19 เพราะฉะนั้นยืนยันหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ใช่การเสียชีวิตจากโควิด” นพ.อภิรัต กล่าว และว่าเรื่องนี้ตนแจ้งให้กับผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ทั้งผวจ.ชลบุรี และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข