หมอชายแดนแม่สอดเปิดความจริงหลังคนในปล่อยพวกลักลอบเข้าเมืองในวันที่โควิดระบาด

หมอชายแดนแม่สอดเปิดความจริงหลังคนในปล่อยพวกลักลอบเข้าเมืองในวันที่โควิดระบาด

เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน เผยแพร่บทความจากคุณหมอประจำโรงพยาบาลชายแดนท่านหนึ่ง เล่าความจริงในวันที่มีคนจากประเทศเพื่อนบ้านหลบหนีเข้าเมืองในวันที่เกิดการระบาดหนักของโควิด-19 ในเมียนมา ระบุ

ความจริงวันนี้ที่ชายแดนแม่สอด...

ชายแดนจังหวัดตากฝั่งตะวันตกที่ติดประเทศพม่า มีความยาวกว่า 600 กิโลเมตรจากทิศเหนืออำเภอท่าสองยางจรดทิศใต้ที่อำเภออุ้มผาง มันยาวมากๆอย่างไม่น่าเชื่อเลย มีช่องผ่านถาวรอยู่ 1 ช่องตรงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ที่เหลือก็เป็นช่องผ่อนปรนมีชาวต่างชาติเข้าออกอย่างชั่วคราวตลอดมา ที่ผ่านมาพวกเราก็ทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ขึ้นทะเบียนพยายามให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน มอบสิทธิพลเมืองพึงมี สิทธิการเข้าถึงบริการสุขภาพ คัดกรองโรคระบาด ให้บริการป้องกันโรคเช่นฉีดวัคซีน มีการผลักดันให้มีหน่วยงานสาธารณสุขชายแดนมากว่า 7 ปีแต่ก็ยังไม่เกิดขึ้น พวกเราอดทนทำงานหนักเป็น 2-3 เท่ากว่าโรงพยาบาลปกติเพราะมีจำนวนเจ้าหน้าที่ที่คำนวนมาสำหรับคนไทยแต่เราต้องทำงานเพื่อคนต่างชาติด้วย

คนไทยในพื้นที่ชายแดนประมาณ 3 แสนคน มีคนต่างชาติ 3 แสนคนสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง มีศูนย์อพยพ 3 ศูนย์มีผู้อพยพอาศัยอยู่กว่า 2 แสนคน..ใครไม่มาอยู่ก็คงไม่เข้าใจว่าปัญหาชายแดนไม่เคยจบ

ช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิดในประเทศพม่ายิ่งทำให้เครียด ทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ ปกครอง สาธารณสุขพยายามอย่างเต็มที่ในการสกัดกั้นไม่ให้มีการข้ามแดนเพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอคนไข้ข้ามมาเมื่อไหร่ เราอยากให้คนไทยปลอดภัยหลายคนบอกว่าปิดชายแดนไปเลยสิ..บอกตรงๆว่าไม่สามารถปิดได้ เพราะช่องทางธรรมชาติมีมากเกินไป ข้ามง่ายเพียงการเดินไม่กี่ก้าว ลำพังกองกำลังที่มีไม่สามารถปูพรมทุกตารางพื้นที่และ 24 ชั่วโมงได้

ในขณะที่เรามีหน้าที่เป็นปราการป้องกันโรคแต่เราก็จะไม่ทำให้เกิดวิกฤตทางมนุษยธรรม บางครั้งมีคนไข้อาการปางตายด้วยโรคอื่นหลุดข้ามมา เช่น หญิงตั้งครรภ์คลอดลูกติด เราก็รับเพราะมันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็ต้องมีแนวทางคัดกรองและแยกกักกันโรคอย่างดีที่สุด

ตอนนี้ก็มีนโยบายจะนำแรงงานต่างชาติเข้ามาผ่านชายแดนนี้อีก โดยไม่มีท่าทีจะชะลอ ฉันไม่แน่ใจว่าจะป้องกันโรคได้ดีดังเดิมหรือไม่ และตอนนี้อุปกรณ์ที่เรามีไว้ใส่ป้องกันก็ร่อยหรอลงไป เราหมดงบประมาณไปกับการควบคุมการระบาดระลอกแรก ตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลือ

กลางดึกคืนหนึ่งเจ้าหน้าที่จับแรงงานต่างชาติได้ 10 คนตรวจพบว่ามีไข้ 2 คนต้องนำมาตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาล ฝ่ายสาธารณสุขก็ต้องคัดกรองจนมั่นใจว่าจะไม่มีโรค ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องกักกัน ดำเนินคดีตามกฏหมาย ฉันถามแรงงานเหล่านั้น เขาบอกว่าที่พม่าแร้นแค้นมากไม่มีงานทำ ไม่มีบ้านอยู่ ก็เลยอยากมาหางานทำเพราะก่อนหน้าเคยทำงานที่เมืองไทยอยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเคร่งครัดเพราะนายหน้าบอกว่ามาง่ายๆ ไม่มีการจับกุม เขาก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารของเมืองไทย เขาลอยคอมาตามแม่น้ำเมยพอขึ้นฝั่งก็ถูกเจ้าหน้าที่จับ ตอนนี้ยังติดต่อนายหน้าไม่ได้เลย เงินก็จ่ายไปแล้วหมื่นห้า ฉันถามว่าไม่กลัวถูกหลอกเหรอ เขาว่าก็ต้องเสี่ยงดู นี่ก็เงินก้อนสุดท้ายแล้ว..ในเรื่องที่ผิดกฏหมาย มันก็มีความน่าเอ็นดูซ่อนอยู่

ทุกวันนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนความรู้สึกเบื่อเซ็งว่าทำไมถึงสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองไม่ได้ 100% มาเป็นทำอย่างไรจึงจะจับกุมและคัดกรองโรคให้ได้เร็วที่สุดแทน ..เร็วคือรอด

ตอนนี้ทางฝั่งพม่าก็มีด่านกั้นแต่ละจังหวัดละเอียดยิบ มีการ locked down ประชาชนในบ้าน 24 ชั่วโมงนานกว่า 21 วันนับว่าโหดมากทีเดียว พวกเขาก็กลัวการระบาดในพื้นที่ของตนเองเหมือนกัน ทำให้เราได้อานิสงค์ไปด้วย อย่างน้อยก็คาดว่าเชื้อโรคจะไม่ลุกลามมาประเทศเราเร็วเกินกว่าที่เราจะตามมันทัน ยังพอมีเวลาเตรียมการณ์

สัญญาว่าเราจะเป็นกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ป้องกันชายแดนไทย-พม่าด้านตะวันตกอย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันประเทศจากเชื้อโรคร้ายนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาหนักหนาต้องต่อสู้มากมาย แม้ว่างานจะเหนื่อยหนักและเสี่ยงภัยขนาดไหน แม้ว่าจะหมดแรงใจหลายครั้ง..พวกเราก็ยังสู้อยู่ตรงนี้แม้จะไม่รู้ปลายทางก็ตาม

เรารับรู้ว่าคนไทยก็สู้ไปกับเรา และพร้อมจะเป็นลมใต้ปีก
หากใครพอมีอุปกรณ์เหลือใช้ ไม่ว่าจะเป็นชุด PPE เสื้อกาวน์กันน้ำ ชุดกันฝน ถุงมือ แมส N95 แมสธรรมดา กระจังหน้า น้ำยาทำความสะอาด อยากส่งมาช่วยพวกเรารบที่ชายแดน พวกเรายินดีน้อมรับและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

โรงพยาบาลแม่สอด
โรงพยาบาลท่าสองยาง
โรงพยาบาลแม่ระมาด
โรงพยาบาลพบพระ
โรงพยาบาลอุ้มผาง

กำลังใจที่ส่งมาให้ คงทำให้มีแรงสู้ไปได้อีกวัน....

 

ขอบคุณ เรื่องเล่าหมอชายแดน