- 24 ก.ย. 2563
ดีเดย์ ธอส. เตรียมปล่อยกู้บ้านผ่อน 70 ปี วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (24/09/2563) นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เปิดเผยว่า ธอส.เตรียมออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เรียกว่า Two-GEN ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2 Generation หรือยาวนานสูงสุด 70 ปี วงเงินสินเชื่อรวม 1 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้นในวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1.5-18 ล้านบาทต่อราย
เขากล่าววว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดจากคณะกรรมการธนาคารได้มีนโยบายให้ธอส.คิดรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายหลัก คือ การช่วยเหลือให้ลูกค้าสามารถมีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้นานขึ้น โดยพิจารณาวงเงินให้กู้จากรายได้ของบิดา-มารดา ส่วนระยะเวลาการผ่อนชำระสามารถเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่สูงสุดไม่เกิน 40 ปี ขยายเป็น 70 ปี ด้วยการนำอายุของบุตรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นมาเป็นผู้กู้ร่วม
“ระยะเวลาการกู้ดังกล่าว เราจะพิจารณาวงเงินกู้จากรายได้ของผู้กู้ทั้งบิดา มารดา ที่มีระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 40 ปี มารวมกับอายุ 18 ปีขึ้นไปมาร่วมกู้และช่วยผ่อนชำระเงินงวด คาดจะเริ่มปล่อยสินเชื่อได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป”
เขากล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะแบ่งเบาภาระค่างวดแต่ละเดือนของผู้กู้ลดลง โดยปกติต้องผ่อนชำระประมาณ 5.6 พันบาทต่อเดือนจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท มาเหลือเพียง 2-3 พันบาทต่อเดือน เนื่องจาก ยืดระยะเวลาการกู้นานขึ้น ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยต่ำจะอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย จะขึ้นอยู่กับการออกสลากออมทรัพย์ ชุดใหม่ ชื่อ ชุดเกร็ดดาว ที่จะเปิดจำหน่ายภายในสิ้นปีนี้วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เปิดขายในราคาหน่วยละ 5 พันบาท ซึ่งเป็นสลากอายุสลาก 2 ปี และ 3 ปี โดยสลากได้ลุ้นรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัวด้วย
"ปัจจุบันสลากออมทรัพย์ชุดพิมานมาศ หน่วยละ 5 หมื่นบาท ขายไปแล้วจำนวน 7 แสนหน่วย จากทั้งหมด 1ล้านหน่วย ซึ่งหากออกสลากชุด เกร็ดดาวนี้อีก ก็จะทำให้รู้ว่า ดอกเบี้ยของโครงการสินเชื่อ 70 ปี จะอยู่ในระดับต่ำแค่ไหน ซึ่งโครงการนี้ เน้นช่วยเหลือให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีโอกาสได้มีบ้านตัวเองได้ง่ายขึ้น โดยอย่าไปมองว่าระยะเวลากู้นาน ดอกเบี้ยจะท่วมเงินต้นและผ่อนยาวชั่วนิรันทร์ เพราะผู้กู้สามารถสามารรถโปะได้ ให้หนี้หมดก่อน70 ปีได้"
ส่วนในการประชุมคณะกรรม(บอร์ด)ธอส. เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีมติขยายเวลาช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้ภายใต้ มาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และ โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ ระยะที่ 2 เฉพาะลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือใน 3 มาตรการ ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือด้วยการพักชำระ เงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มเติมไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 โดยทั้ง 3 มาตรการที่ธนาคารขยายความช่วยเหลือในครั้งนี้ครอบคลุมจำนวนลูกค้าที่มีสิทธิ์ขยายระยะเวลาเป็นวงเงินสินเชื่อจำนวนกว่า 2.5 แสนล้านบาท
สำหรับ 3 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 พักชำระเงินต้น 3 เดือน จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน สำหรับผู้ที่เลือกเข้ามาตรการที่ 1 ได้ ต้องเป็นลูกค้าที่ยังอยู่ระหว่างใช้”มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในมาตรการที่ 1 และ มาตรการที่ 2 และ อยู่ระหว่างการใช้”โครงการธอส.ช่วยคนไทยร่วมสร้างชาติในมาตรการที่ 1 มาตรการที่ 3 และ มาตรการที่ 8
มาตรการที่ 3 พักชำระเงินต้น 6 เดือน จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 3.9%ต่อปี สำหรับลูกค้าที่เลือกเข้ามาตรการที่ 3 ได้ต้องมีสถานะบัญชีปกติ และอยู่ระหว่างใช้”มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19ในมาตรการที่ 1 และ มาตรการที่ 2
มาตรการที่ 8 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน สำหรับลูกค้าที่เลือกเข้ามาตรการที่ 8 ได้ ต้องยังอยู่ระหว่างใช้”มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ในมาตรการที่ 1 และ มาตรการที่ 2 หรือ อยู่ระหว่างใช้โครงการธอส.ช่วยคนไทยร่วมสร้างชาติมาตรการที่ 8
ทั้งนี้ ลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือในมาตรการที่ธนาคารกำหนด สามารถแจ้งความประสงค์ขอเลือกใช้มาตรการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือผ่านแอพริเคชั่น:GHB ALLระหว่างวันที่ 1-29 ต.ค.นี้ พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันว่ายังมีผลกระทบทางรายได้จริงให้ธนาคารพิจารณา อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ภาพถ่ายและเสตทเมนท์ เป็นต้น