- 11 ม.ค. 2561
ติดตามรายละเอียด FB : DEEPS NEWS
หลังจากที่เมื่อช่วงปลายปี 2560 ทางรัฐบาลได้ประกาศข่าวดีออกมา ว่าจะแจกของขวัญปีใหม่ ให้ประชาชนคนไทยที่มีสิทธิเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เรียกว่า "บัตรคนจน" ซึ่งให้กู้เงินซื้อบ้านได้ในราคา 2 ล้านบาทได้ราย โดยข่าวนี้ก็ทำเอาหลายๆ คนดีใจกันยกใหญ่ และนอกจากนี้รัฐยังให้ของขวัญสำหรับลูกค้าที่ชำระดีย้อนหลัง 48 เดือน ไม่เป็นหนี้เอ็นพีแอลตลอดจนคืนดอกเบี้ยให้
ล่าสุดวันนี้ (11 ม.ค.) นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ จะเริ่มเปิดให้ขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อบ้านสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 6 หมื่นล้านบาทเป็นวันแรก โดยธอส.จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่ใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ให้ได้รับอนุมัติสินเชื่ออย่างเต็มที่ เนื่องจากเปิดให้สามารถใช้บุคคลค้ำประกัน จากคนในครอบครัวกี่คนก็ได้ แต่ต้องมีรายได้เป็นไปตามเกณฑ์การขอสินเชื่อจากธนาคาร รวมทั้งในรายที่หลักฐานรายได้ไม่เพียงพอ ก็จะเปิดให้มีการเดินบัญชีกับ ธอส. 6-9 เดือน ซึ่งหากลูกค้าสามารถทำได้ตามเงื่อนไขก็จะอนุมัติสินเชื่อให้
ทั้งนี้วงเงินสินเชื่อวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ถือบัตรคนจน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท กู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกที่ 2.75% ผ่อนชำระต่อเดือนไม่เกินไม่เกิน 4,000 บาท คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้หมดภายใน 6 เดือน โดยมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบให้ธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการปล่อยสินเชื่อในวงเงินไม่สูงมาก
นอกจากนี้ยังมีวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ที่ขอกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ที่ 4 ปีแรก และวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท สำหรับบุคลากรภาครัฐ สำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ราชการ อาทิ ข้าราชการ พนักงานราชการพนักงานมหาวิทยาลัย และพนักงานรัฐวิสาหกิจ อัตราดอกเบี้ย MRR-3.75% ต่อปี หรือปัจจุบันเท่ากับ 3% ต่อปีนาน 4 ปีแรก
โดยนายฉัตรชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ในปี 2561 ธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.89 แสนล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน โดยเฉพาะในไตรมาส 1/2561 ธนาคารมั่นใจว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท มาจากสินเชื่อผู้มีรายได้น้อย 8 หมื่นล้านบาท และ สินเชื่อ HOME FOR ALL อัตราดอกเบี้ย 2.9% ที่ยังมียอดค้างอนุมัติสินเชื่อจากไตรมาสก่อนอีก 2.4 หมื่นล้านบาท รวมทั้งดำเนินการตามตัวชี้วัดตามแผนยุทธศาสตร์ในการสร้างความเข้าใจทางการเงิน หรือ โรงเรียนการเงิน นำร่อง 1 หมื่นรายที่ต้องการกู้เงินให้มาเดินบัญชีล่วงหน้ากับธนาคาร