- 26 พ.ย. 2563
การทำสัญญาเงินกู้หรือการขอสินเชื่อตามสถาบันการเงินต่าง ๆ ผู้ให้กู้ส่วนใหญ่มักต้องการบุคคลที่จะมาค้ำประกันการทำสัญญานั้น ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าหากลูกหนี้ผิดนัดชำระค่างวด ผู้ค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระหนี้แทน เราจึงอยากให้ทุกท่านทำความเข้าใจถึง 10 ข้อที่ท่านควรรู้ก่อนเป็นผู้ค้ำประกัน
1. ควรดูรายละเอียดสัญญาให้แน่ชัดว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินหรือเงินซึ่งสามารถชำระหนี้ได้
2. สัญญาค้ำประกันต้องทำเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อของคู่สัญญา
3. ควรอ่านสัญญาทุกครั้งก่อนเซ็นค้ำประกัน และห้ามเซ็นสัญญาที่เขียนว่า “ให้ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับลูกหนี้”
4. ผู้ค้ำประกันจะรับผิดแทนลูกหนี้ ต่อเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ตามที่ตกลงในสัญญาเท่านั้น
5. หากเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ลูกหนี้เท่าไร ความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันก็ลดลงเท่านั้นเช่นกัน
6. หากข้อตกลงในสัญญาเป็นภาระให้กับผู้ค้ำประกันเกินสมควร ข้อตกลงนั้นจะเป็นโมฆะ
7. ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ เมื่อยื่นขอชำระหนี้ตามกำหนดเวลา แต่เจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับการชำระหนี้นั้น
8. ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ หากเจ้าหนี้ยอมขยายเวลาผ่อนหนี้แก่ลูกหนี้
9. ผู้ค้ำประกันไม่ต้องชำระดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน ค่าทวงถาม หากเจ้าหนี้ไม่แจ้งเป็นหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ ภายใน 60 วัน นับแต่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้
10. หลังชำระหนี้แทนลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันมีสิทธิฟ้องลูกหนี้ตามวงเงินที่ชำระแทน พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายอื่น ๆ
ดังนั้นก่อนที่ท่านจะเซ็นค้ำประกันสัญญาใด ๆ ให้กับผู้อื่น ท่านควรที่จะคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ และควรทำความเข้าใจถึงสิทธิ์และผลผูกพันในการเซ็นสัญญาค้ำประกันให้กับผู้อื่น
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : เพจเฟซบุ๊ก กองปราบปราม
>> Lazada ช้อปดีลเด็ดลดต่อเนื่องจาก 11.11 แจกส่วนลด 150฿ สนใจคลิก <<