สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

กลายเป็นเรื่องราวเตือนภัยที่ต้องระมัดระวังไม่ควรให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับญาติผู้ใหญ่ของเรา เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก อะ รอย ออยยยย โพสต์ภาพเหตุการณ์ของสองตายาย ขณะนำสมุดบัญชีมาปรับดูยอดเงินคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและสมุดบัญชีก็อยู่กับตัวตลอดเวลา ก่อนจะมารู้ว่าจริงทั้งหมดว่าเป็นเพราะคุณยายเคยทำโทรศัพท์หายไปเมื่อช่วงกลางเดือน ธันวาคม ที่ผ่านมา

ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความระบุว่า… เตือนภัยใกล้ตัว … เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 เวลา 7 โมงเช้า คุณตาได้นำสมุดบัญชีของยายไปปรับดูยอดเงินคงเหลือ พบว่าเงินในบัญชีธนาคารของยายเราหาย รวม 100,950 บาท โดยที่ยายไม่ได้เอาออกมาใช้เอง บัตรกดเงินและบัญชีก็อยู่กับตัว ซึ่งเงินในบัญชีของยายถูกโอนออกตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.63 ซึ่งเป็นวันที่ยายทำโทรศัพท์มือถือหาย เราจึงไปขอตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดการโอนจากธนาคาร ซึ่งเงินถูกโอนผ่าน Mobile Banking โดยที่ยายทำไม่เป็นเลย ยายไม่รู้เรื่อง และปลายทางที่โอนไปมี 3 บัญชี อยู่ ทุ่งสง นครศรีธรรมราช ทั้งหมด รายละเอียดการโอนคือ

วันที่14 เวลา 10:41 ถูกโอนออก 30,000 บาท และเวลา 10:42 โอนผ่าน G-Wallet 150 บาท
วันที่ 15 เวลา 14:35 โอนออก 40,000 บาท
วันที่ 24 เวลา 12.10 โอนผ่าน G-wallet 150 บาท
วันที่ 25 เวลา 16.46 โอนออก 15,000 บาท
วันที่ 26 เวลา 11.43 โอนผ่าน G-wallet 150 บาท
และวันที่ 27 เวลา 17.40 โอนออก 15,500 บาท

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

ซึ่งทางธนาคารก็ยืนยันว่าเป็นการโอนที่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวเองในการโอนสอบถามยายแกก็บอกไม่รู้เรื่องแอ็พโอนเงินเลย แต่ที่จำได้คือ มีคนพามาทำ คือ ญ (นามสมมุติ) ซึงเป็นคนที่สนิทกับยายแต่ไม่ใช่ญาติ ไปมาหาสู่ยายบ่อยๆ และเป็นคนลงทะเบียนสิทธิ์คนละครึ่งให้ยาย จึงค่อนข้างมั่นใจคนนี้ เราจึงไปขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้านค้า ที่ยายกับ ญ ชอบไปใช้สิทธิ์กัน ก็เจอจริงๆ ญ ไปซื้อของร้านนี้ โดยใช้สิทธิ์คนละครึ่ง ใช้โทรศัพท์ 2 เครื่อง เวลาที่ใช้ ก็ตรงกับเวลาที่เงินยายออกจาก บช 150 บาท และโทรศัพท์ที่ใช้ก็เป็นสีแดง ซึ่งคล้ายโทรศัพท์ยายที่หายไป

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

ซึ่งชื่อในการไปใช้สิทธิ์ก็เป็นชื่อยาย. ทั้งยายไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น เวลาเดียวกันกับที่เค้าไปใช้สิทธิ์ เราจึงขอเก็บหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมา และในวันเดียวกันวันที่ 30 ตอนเย็น ตากับยายตัดสินใจให้ผู้ใหญ่บ้านพาไปไกล่เกลี่ยพูดคุยกับเจ้าตัวดีๆ เพราะเห็นว่าเป็นคนกันเอง แต่ก็ไม่ยอมรับ เราจึงพายายไปแจ้งความให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ผ่านมาแล้ว 1 อาทิตย์ เจ้าตัวก็ทำตัวปกติ ไปเดินตลาด ไปไหนมาไหนปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เราก็มีหลักฐานหมด แต่คนผิดยังลอยหน้าลอยตา ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ทำ สิ่งที่ทำให้เราและคนทางบ้านมั่นใจ ว่า ญ เป็นคนทำ 100% คือ

1.ญ พายายไปทำแอ็พธนาคาร

2.ญ ลงทะเบียนสิทธิ์คนละครึ่งให้ยาย

3.ปลายทางที่โอนไป เป็นบ้านเกิดของ ญ

4.โทรศัพท์ที่ ญ อ้างว่าเป็นของลูกชาย เป็นสีเดียวกันกับโทรศัพท์ยายที่หายไป แต่พอขอดู ญ บอกว่าส่งคืนลูกชายแล้ว

5.วันที่โทรศัพท์ยายหาย ญ อยู่ด้วย

6.วันที่ ญ ใช้สิทธิ์ มีชื่อยายใช้สิทธิ์ ตามกล้องวงจรปิดในเวลาเดียวกัน

7.รายการโอนเงินในโทรศัพท์ของ ญ ทุกครั้งที่โอนออก 150 บาทเพื่อไปใช้สิทธิ์ เป็นเวลาใกล้เคียงกันกับเงินยายที่ถูกโอนออกทักครั้ง 150 บาท และเป็นช่วงที่โทรศัพท์ยายหาย. ล้วยาวจะไปใช้สิทธิ์ได้ยังไง และอีกอย่าง การโอนเงินผ่านมือถือแบบนี้คนแก่ทำไม่เป็นหรอก ยายอายุ 65 ปี แล้ว แกไม่รู้เรื่องการโอนแบบนี้เลย

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

ให้โพสต์นี้เป็นโพสต์เตือนภัยลูกหลานให้โพสต์นี้เป็นกรณีศึกษากับหลายๆคน ส่วนเรื่องการดำเนินคดีก็ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตายายนอนไม่หลับหลายวันแล้ว

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

 

 

สองตายาย เอาสมุดบัญชีมาปรับดูยอดคงเหลือ อยู่ๆเงินหายไปเป็นแสน ทั้งที่บัตรกดเงินและบัญชีอยู่กับตัวตลอดเวลา

>>Lazada ดีลช้อปสุดพิเศษ สนใจคลิก<<