รองโฆษกตร.แจงดราม่าตำรวจล็อคล้อพ่อค้าไอศกรีม "แค่ปรับเงินและตักเตือน"

จากกรณีโซเชียลเผยแพร่เหตุการณ์พ่อค้าไอศกรีมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังพ่อค้าไอศกรีมแวะจอดรถเพียงครู่เดียวแต่กลับถูกตำรวจล็อคล้อ และผู้เห็นเหตุการณ์เล่าต่อว่าได้ยินพ่อค้าพยายามขอร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ปรับ เนื่องจากยังขายของไม่ได้และแทบไม่มีเงิน หากต้องจ่ายค่าปรับคงไม่เหลือเงินติดตัว 

ล่าสุด รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

 

โดยตอนแรกนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกำลังล็อคล้อรถขายไอศกรีมบริเวณหน้าตลาดประชานิเวศน์ 1 โดยพ่อค้าพยายามอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า"อย่าจับเลย เพราะวันนี้ยังขายไม่ได้ เงินก็ไม่มี หนี้สินก็บานเบอะ แถมเศรษฐกิจก็ผุพัง"

ต่อมาวันที่ 20 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ และได้ทำการสอบถามร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงได้ทราบว่า ในวันเกิดเหตุรถไอศครีมดังกล่าวมาจอดตรงต้นไม้ซึ่งอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ จากนั้นลุงคนขายได้วิ่งลงไปซื้อถั่วคั่วเพื่อมาใส่ไอศครีมที่ขาย 

ทว่าเมื่อกลับมาถึงรถก็พบว่ารถถูกเจ้าหน้าที่ล็อคล้อไปแล้ว แต่ว่าเหตุที่ตำรวจล็อคล้อเพราะอะไรนั้นตนเองไม่ทราบ และหลังเกิดเหตุก็ยังไม่เห็นกลับมาขายหรือมาจอดอีกเลย

 

 

 

ล่าสุดในวันเดียวกันรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ ได้ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังตรวจสอบเรื่องนี้ โดยรายละเอียดคือ "ตำรวจจราจรดังกล่าวได้มีบังคับล้อรถแท็กซี่สาธารณะที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้ารถขายไอศกรีมคันดังกล่าว จากนั้นทางรถแท็กซี่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำไมไม่ดำเนินการกับรถรถขายไอศกรีมที่อยู่ทางด้านหลัง จึงได้มีการบังคับล้อรถทั้ง 2 คัน"

 

 

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีนโยบายบังคับใช้กฎหมายไม่ให้มีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจซ้ำเติมประชาชนช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 เมื่อเกิดมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจะเน้นการดำเนินการพิจารณาข้อเท็จจริงให้เน้นมีการว่ากล่าวตักเตือนก่อน แต่หากทำให้กระทบกับการจราจรอาจจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นดุลยพินิจของผู้ปฏิบัติหน้าที่พิจารณา ยืนยันไม่ได้ซ้ำเติมประชาชน จากเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับทั้ง 2 คัน รถแท็กซี่ 200 บาท และรถขายไอศกรีม 100 บาท และว่ากล่าวตักเตือนไปกรณีดังกล่าว เนื่องจากจอดอยู่บริเวณจุดห้ามจอดในบริเวณป้ายรถประจำทาง เท่านั้น และได้อธิบายให้ผู้ขับแท็กซี่และพ่อค้าไอศกรีมเข้าใจแล้ว