กรมการแพทย์สั่งย้ายหมอทำร้ายพยาบาลขณะทำงาน

จากกรณีโลกออนไลน์เผยแพร่คลิปหมอทำร้ายพยาบาลในห้องผ่าตัด โดยภาพคลิปวงจรปิดเผยแพร่นาทีหมอตีที่มือของพยาบาลอย่างแรงขณะกำลังผ่าตัดคนไข้จนกลายเป็นกระแสดราม่าสนั่นโลกออนไลน์ มีพยาบาลหลายๆคนแชร์คลิปนี้ออกไปและเรียกร้องให้มีการเอาผิดหมอ ล่าสุด กรมการแพทย์ ออกประกาศสั่งย้ายหมอคนดังกล่าวชั่วคราวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

 

 

 

โดยผู้โพสต์คลิปได้โพสต์ว่า "ผมขอประณามแพทย์คนดังกล่าวที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของพยาบาล ทำงานหนักยังเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นใครคงทนไม่ได้นะครับ ร้องไห้ภายใต้ชุด PPE ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เจอกับคนที่เรารู้จักเลยครับ เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ครับ สภาการพยาบาล #Saveพยาบาล"

ต่อมาหลังคลิปถูกเผยแพร่ออกไปก็มีกระแสความไม่พอใจจากชาวเน็ตและกลุ่มพยาบาล หลายๆคนเล่าประสบการณ์โดนหมอดุด่าและดูถูกหลายครั้ง แต่ในกรณีทำร้ายร่างกายเช่นนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง พยาบาลแม้มีหน้าที่ช่วยคุณหมอแต่ไม่ใช่ลูกน้องที่จะสั่ง ดุด่าหรือทำร้ายได้ตามใจชอบ

 

 

ล่าสุด กรมการแพทย์ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวแพทย์ทำร้ายพยาบาล พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เผยว่าขณะนี้ได้สั่งย้ายหมอคนดังกล่าวออกจากโรงพยาบาลก่อนเพื่อรอตรวจสอบว่าทำผิดจริงหรือไม่

โดยเพจกรมการแพทย์เปิดเผยว่า "สืบเนื่องจากเหตุการณ์มีคลิปปรากฏอยู่ในสื่อโซเชียลมีเดีย กรณีแพทย์ท่านหนึ่งมีพฤติกรรมลักษณะตีมือพยาบาลท่านหนึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่ในการทำหัตถการร่วมกันในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนั้น ทราบในเวลาต่อมาว่าโรงพยาบาลดังกล่าวคือ โรงพยาบาลสงฆ์นั้น กรมการแพทย์ ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารโรงพยาบาลฯ และสั่งการให้มีการสอบถามข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นธรรม"

กรมการแพทย์ จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวประกอบไปด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญพิเศษ นิติกรชำนาญการ และนิติกรปฏิบัติการ อนึ่ง เพื่อให้การสืบสวนเป็นไปด้วยความยุติธรรม และอิสระ ได้มีคำสั่งย้ายแพทย์ผู้ก่อเหตุออกจากโรงพยาบาลสงฆ์ไว้ก่อนจนกว่าจะทราบข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำผิดจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม กรมการแพทย์ ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลบุคลากรทุกฝ่ายที่เปรียบเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นนี้เป็นอย่างดี จึงกำชับให้มีการรับฟัง ป้องกัน และแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ จัดให้มีทีมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ ของบุคลากรให้มีความสมดุลต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ หรือ เวิร์ค ไลฟ์ บาลานซ์ (Work Life Balance) อาทิ การสร้างช่องทางพิเศษในการสื่อสารภายในครอบครัวกรมการแพทย์ ให้บุคลากรที่เหนื่อยล้าสามารถขอพักได้ พูดคุยได้ทุกเรื่อง รวมทั้งดูการแลสวัสดิการต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเสี่ยงภัย ค่าตอบแทน ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยกรมการแพทย์จะพยายามดูแลทุกชีวิตในครอบครัวกรมการแพทย์ให้ดีที่สุดเพื่อไปดูแลทุกชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุดเช่นกัน
ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

กรมการแพทย์ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564

 

 

ขอบคุณ กรมการแพทย์