ทราบแล้ว "สาเหตุการเสียชีวิต" ครูสาวประจวบฯหลังฉีดวัคซีนสูตรผสม

จากกรณีการเสียชีวิตของคุณครูวัย 39 ปีที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยผู้เสียชีวิตเป็นครูสอนพิเศษและเป็นเจ้าของโรงเรียนกวดวิชา ด้านสามีติดใจคาดภรรยาเสียชีวิตเพราะไปฉีดวัคซีนสูตรผสม

สามีเล่าว่าเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนเองและภรรยา ไปรับบริการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เข็ม 2 ที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่เคยฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกมาก่อนหน้านี้ และหลังจากกลับมามีอาการข้างเคียงปวดหัวตัวร้อนหนาวสั่นเล็กน้อย ทางโรงพยาบาลแนะนำให้กินยาพาราพวกตนก็ทำตาม

 

ถัดมาในช่วงเช้าอีกวันตนเริ่มมีอาการปวดหัว แต่ลงมาทำงานดูแลลูกสาวสองคนที่ชั้นล่างขณะที่ภรรยาขอนอนพักผ่อนบนห้องนอนเพียงลำพัง พอตกเย็นภรรยาเริ่มมีอาการหนักขึ้น อาเจียนมาก ตนเองขึ้นไปดูช่วงเวลา 19.00 น. ก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว ลำตัวเริ่มแข็งและมีสีเขียวคล้ำ จึงรีบโทรแจ้งโรงพยาบาลให้มาตรวจสอบ ระหว่างนั้นตนเองพยายามปั๊มหัวใจแต่ก็ไม่เป็นผล 

จากนั้นวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 มีรายงานนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่าผู้เสียชีวิตรายนี้มีโรคความดันโลหิตสูง มีประวัติฉีด 2 ครั้ง ครั้งแรกฉีดโคโรนาแวคหรือซิโนแวค วันที่ 28 มิ.ย. และเข็มสองแอสตราเซนเนกา วันที่ 19 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยคำแนะนำคณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาข้อมูลผลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันที่ให้ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายและตามด้วยชนิดไวรัล เวคเตอร์ ห่างกัน 3 สัปดาห์

ซึ่งจนถึงขณะนี้ฉีดสลับชนิดแล้วมากกว่า 8.4 หมื่นคน แต่กรณีนี้เป็นรายแรกที่เสียชีวิต คิดเป็นอัตรา 1 ในแสนของผู้ฉีดวัคซีน ยังต้องหาสาเหตุต่อไปโดยยังไม่สรุปว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

 

ล่าสุดผลชันสูตรครูสาวเบื้องต้นระบุว่าสาเหตุการเสียชีวิตของครูสาวรายนี้เกิดจาก "สมองบวมจากก้อนในสมอง ทำให้เลือดไปกดทับแกนสมองหรือก้านสมอง จนทำให้เสียชีวิต" และตรวจไม่พบติดเชื้อโควิด-19

นอกจากนี้มีรายงานว่านายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เผยว่าได้พูดคุยกับสามีผู้เสียชีวิตแล้ว คาดว่าจะได้รับเงินเยียวยาจากการสูญเสียดังกล่าวไม่น้อยกว่า 4 แสนบาท ตามอัตราที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำหนด ซึ่งจะจ่ายได้ไม่เกินช่วงต้นเดือนสิงหาคม 

อย่างไรก็ตาม  นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ด่านหน้าจะต้องทำความเข้าใจประชาชนทั่วไปให้ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดต่อไป