- 09 ส.ค. 2564
นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น ออกโรงชี้เเจงเเล้ว หลังปรากฎเเถลงการณ์ องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ทวงขอวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรด่านหน้า
จากการที่วัคซีนไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้บริจาคให้ประเทศไทย จำนวน 1.5 ล้านโดส เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 นั้น กระทรวงสาธารณสุขได้มีการชี้แจงแนวทางการจัดสรรวัคซีน และแบ่งกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ก่อนจะปรากฎข่าวมีการเเชร์กันในโลกออนไลน์ องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ออกหนังสือแถลงการณ์ขอไฟเซอร์ให้บุคลากรด่านหน้า เนื่องจากวัคซีนที่ได้รับไม่เพียงพอ
โดยเมื่อวันที่ 8ส.ค.64 ข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขขอนแก่น ระบุว่า จังหวัดขอนแก่นรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก 9,840 โดส เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 โดยกองโรคติดต่อทั่วไปจัดส่งวัคซีนรอบต้นเดือนสิงหาคม 2564 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ลดการป่วยรุนแรง ลดอัตราการเสียชีวิต โดยมอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาเร่งรัดการให้วัคซีนกับกลุ่มเป้าหมาย เบื้องต้นมีบุคลากรด่านหน้าแจ้งความประสงค์ฉีด 17,000 คนนั้น ซึ่งทางจังหวัดได้จัดสรรให้กับบุคลากรที่แจ้งความประสงค์ จากข้อมูลพบว่า บุคลากรโรงพยาบาลขอนแก่น ได้แจ้งความประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 จำนวน 1,400 คน แต่ได้รับการจัดสรร 700 โดส จึงทำให้บุคลากรด่านหน้าหลายคนไม่ได้ฉีดวัคซีนในครั้งนี้
จากการจัดสรรวัคซีนทาง องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่น ได้ออกแถลงการณ์ขอวัคซีนไฟเซอร์ ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโรงพยาบาลขอนแก่น โดยแถลงการณ์ระบุว่า โรงพยาบาลขอนแก่น เป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ทุกความรุนแรงของจังหวัด ขอนแก่น ตั้งแต่ผู้ป่วยคลัสเตอร์ฟันน้ำนม คลัสเตอร์แรงงาน คลัสเตอร์เรือนจำและทัณฑสถาน ไปจนถึงผู้ป่วยหนักอาการวิกฤต
สำหรับโควต้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีบุคลากรทางการแพทย์ลงชื่อรับวัคซีนไฟเซอร์ 1,400 คน แต่โรงพยาบาลขอนแก่นกลับได้รับการจัดสรรวัคซีนเป็นจำนวนเพียง 700 โดสเท่านั้น ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการ องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นจึงขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอต่อจำนวนบุคลากรด่านหน้าของโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถมาโดยตลอด ทั้งนี้ต้องการให้มีการจัดสรรวัคซีนให้ด่านหน้าอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้บุคลากรทางการแพทย์จังหวัดขอนแก่น มีกำหนดการฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่ศูนย์บริการเซนทรัลพลาซ่าขอนแก่น วันที่ 9-11 ส.ค. 64 ฉีดไฟเซอร์ เข็ม 3 จำนวน 3,000 ราย วันที่ 13 ส.ค. 64 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็ม 3 และ 14 ส.ค. 64 ฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1 จำนวน 2,000 ราย
ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว นั้น ล่าสุดในวันที่ 9 ส.ค.64 นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของผู้ไม่หวังดี ซึ่งเข้ามาทำการโพสต์ข้อความภายในเว็บไซต์ของสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น จนเกิดความเข้าใจผิดของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนพื้นที่ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบแจ้งความเอาผิดกับผู้กระทำผิดดังกล่าว ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่เข้ามาโพสต์ข้อมูลในเรื่องเกี่ยวกันการประกาศผลและการรับสมัครงาน และมีกลุ่มแฮกเกอร์ ใช้จังหวะการเข้าระบบของเจ้าหน้าที่ทำการเจาะข้อมูลเข้ามาภายในเว็บไซต์เพื่อกระทำการที่ปั่นป่วน สร้างข้อมูลเท็จและกระทำการที่ยุยงให้เกิดการแตกแยกให้เกิดขึ้นในองค์กรและสร้างความเข้าใจผิด
นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวอีกว่า ได้รับทราบถึงแถลงการณ์ดังกล่าวของ องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น แล้ว และ รพ.ขอนแก่น จะเริ่มทำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าของ รพ.เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ( 9 ส.ค.) ตามที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น ได้จัดสรรให้ในรอบแรก 720คน
ขอนแก่น ได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า รอบแรก 9,480 โด๊ส จากที่นำเสนอขอรับการจัดสรรให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า ทั้งจังหวัด 17,035 คน โดย รพ.ขอนแก่น ขอรับการบูสเตอร์เข็ม 3 รวม 1,449 คน รพ.ศรีนครินทร์ 5,547คน ดังนั้นในรอบแรกที่จังวัดได้รับมานั้น คณะทำงานได้เร่งจัดสรรไปในระดับอำเภอ หรือ รพ.ต่างๆตามสัดส่วน ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามที่ได้รับมา ตามแต่ละรอบ ซึ่งในรอบแรกนี้นั้น รพ.ขอนแก่น ได้รับการจัดสรร 720 คน เท่ากับร้อยละ 50 หรือ ครึ่งหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าที่ได้เสนอขอรับการจัดสรรขึ้นมา"
โดยข้อมูลวัคซีนบุคลากรทางการแพทย์ที่ขอมาและจัดสรรให้รอบแรก ของจังหวัดขอนแก่น ดังนี้
1.สสจ.ขอนแก่นขอวัคซีน (ตามรายชื่อในแบบฟอร์มที่ กสธให้มาบันทึก)
จำนวนทั้งหมด 19,942 คน แบ่งเป็น pfizer 17,073 คน AstraZeneca 2,869 คน รวม 19,942 คน
2. สสจ.ขอนแก่นจัดสรร AstraZeneca 2,929 คน (ยอดที่ขอมา 2,869 คน ให้รพ.กรุงเทพ 60 คน รวม 2,929 คน ) จัดสรรครบทุกคน ตามที่ขอมา จัดสรรเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม
3.สสจ.ขอนแก่นได้จัดสรร Pfizer 9,840 คน คิดเป็น 57.6 % ของที่ หน่วยงานที่ขอมา (จัดสรรทั้งหมดตามที่ได้รับมา) จัดสรรวันที่ 6,7 สิงหาคม
4. รพ.ขอนแก่น ขอมาทั้งหมด 2,893 คน (คนที่ขอมาต้องมีรายชื่อ เลขบัตร ปชช ระบุแผนกที่ทำงาน ตามแบบฟอร์มของกระทรวงค่ะ อาจเป็นว่า ส่วนหนึ่ง รพ.ขอนแก่น ก่อนฉีดแล้ว จึงขออีกไม่ได้ ยอดก็เลยน้อย) แบ่งเป็น ขอ Pfizer 1,449 คน AstraZeneca 1,444 คน เราได้จัดสรร AstraZeneca ให้ รพ.ขอนแก่นแล้ว 1,444 คน ครบ 100% ตามที่ขอมา จัดสรรให้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม
และรอบนี้ ได้จัดสรรให้ Pfizer 720 คน (49.69% หรือ 50%)
สรุปจัดสรรให้ รพ.ขอนแก่น Pfizer 720 คน และ AstraZeneca 1,444 คน รวมทั้งหมด 2,164 คน คิดเป็น 74.81% ตามที่ขอมา
5. รพ.ศรีนครินทร์ (รพ.ขอนแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับ รพ.ศรีนครินทร์ที่ได้รับ)ขอมา 5,547 คน (มีรายชื่อเหมือน รพ.ขก ) เป็น Pfizer 5,359 คน AstraZeneca 188 คน
ได้จัดสรรให้ รพ.ศรี Astra 188 คน Pfizer 2700 คน รวม 2888 คน คิดเป็น 52.07 % ตามที่ขอมา
สรุป ถ้ารวม วัคซีนที่จัดสรรไปแล้ว รพ.ศรี ได้ 52.07% ส่วน รพ.ขอนแก่น ได้ 74.81% ตามที่จำนวนที่ขอมา
ทั้งนี้ สสจ.ขอนแก่น ได้จัดสรรให้หน่วยงานทั้งหมด 41 หน่วยงาน จาก Pfizer 9,840 คน
**** ข้อสังเกต *****
สสจ.ขอนแก่น ไม่ได้ระบุว่าให้หน่วยงานขอวัคซีนประเภทไหน จำนวนเท่าไร ในการบันทึกข้อมูลตามแบบฟอร์ม กสธ เพื่อลงทำเบียน ส่ง กสธ นั้น หน่วยงานเลือกประเภทการฉีดวัคซีนและจำนวนการฉีดเอง (คำถามจาก รพ.ขอนแก่นว่า ที่อื่นทำไม หน่วยงานอื่น ขอ Pfizer เยอะจัง คำตอบคือ รพ.ขอนแก่น ขอ Pfizer กับ AstraZeneca ครึ่งต่อครึ่ง)
การจัดสรรวัคซีนเข็ม 3 สำหรับการบูสเตอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้านั้นจะส่งมอบให้กับ รพ.ขอนแก่น เพื่อทำการฉีดให้กับเฉพาะ รพ.ของตนเอง และขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไปใน รพ.ต่างๆ อาทิ รพ.สิรินธร ที่จะดำเนินการฉีดให้กับกลุ่มรพ.อำเภอในพื้นที่โซนใต้และโซนกลาง รพ.ศรีนครินทร์ จะฉีดให้กับ รพ.อำเภอพื้นที่โซนเหนือของจังหวัด รวมทั้ง รพ.ชุมแพ จะฉีดให้พื้นที่รพ.ในอำเภอโซนตะวันตก อีกด้วย