- 24 ต.ค. 2564
คุก 50 ปี อดีตนายก อบต.ท่าหลวง-พิจิตร กับพวกมีส่วนได้ส่วนเสีย ใช้ชื่อบุคคลอื่น 16 โครงการ
วานนี้ (23 ต.ค.2564) เพจเฟซบุ๊ก ชมรมSTRONGต้านทุจริตประเทศไทย ได้รายงานข่าวว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายนำพล เสมาทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร กับพวก ได้แก่
จำเลยที่ 2 นายสุรเดช เป้าเพชร
จำเลยที่ 3 นายสราวุธ ยอดจันทร์
จำเลยที่ 4 นายพิทยา จันทะ
จำเลยที่ 5 นายสมพงษ์ รุ่งมณี
จำเลยที่ 6 ห้างหุ้นส่วนจำกัดแว่นการงานดี 2016
จำเลยที่ 7 นายวงศ์สวัสดิ์ หล่ำเสน
จำเลยที่ 8 ห้างหุ้นส่วนจำกัดวุฒิทำเจริญ 59
จำเลยที่ 9 นายชัยวุฒิ วิเชียรสรรค์
ข้ามีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างต่างๆขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าหลวง รวม 16 โครงการ โดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นเป็นคู่สัญญา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 มีมูลความผิดทางอาญาตาม ป.อ. มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 มาตรา 86 มาตรา 90 มาตรา 91 พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 103/1 มาตรา 122
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาจำเลยที่ 1 มีความผิด ตามมาตรา 151,152 พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 100 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 151 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำเลยที่ 1 กระทำความผิด 16 กระทง เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 80 ปี แต่เมื่อรวมทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 152,157 ประกอบมาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิด 16 กระทง เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 จำคุกกระทงละ 8 เดือน และปรับกระทงละ 2,000 บาท รวมจำคุก 128 เดือนและปรับ 32,000 บาท จำเลยที่ 2 และที่ 3 โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
จำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 มีความผิดตามมาตรา 151,152 พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 100 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 ที่ 7 และที่ 9 กระทงละ 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 4 กระทำความผิด 4 กระทงเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวมจำคุก 12 ปี 16 เดือน จำเลยที่ 5 กระทำความผิด 3 กระทง เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวมจำคุก 9 ปี 12 เดือนจำเลยที่ 7 กระทำความผิด 4 กระทง เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวมจำคุก 12 ปี 16 เดือน จำเลยที่ 9 กระทำความผิดพลาดกระทงเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวมจำคุก 15 ปี 20 เดือนปรับจำเลยที่ 6 และที่ 8 กระทงละ 4,000 บาท จำเลยที่ 6 กระทำความผิด 4 กระทงเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวมกับ 10,000 บาทจำเลยที่ 8 กระทำความผิด 5 กระทงเรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวมปรับ 20,000 บาท หากจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29,30 และหากจำเลยที่ 6 และที่ 8 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29
ให้นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ อท. 53/2563 หมายเลขคดีแดงที่ อท. 21/2560 ของศาลนี้ และนับโทษจำคุกของจำเลยที่ 5 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.53/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อท.21/2560 ของศาลนี้ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
เบื้องต้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 คณะกรรมการปปชมีมติเห็นชอบ ให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ในประเด็นที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามปพ. พ. มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และในประเด็นที่ศาลชั้นต้นรอการลงโทษจำคุก จำเลยที่ 2 และที่ 3
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้...สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
หมายเหตุ: สมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ