- 20 เม.ย. 2565
คลิปสะพัด ไฮโซลูกนัท สุดทน ด่าแหลก ผกก.สน.ลุมพินี - ทนายอดีตรองหัวหน้าพรรค ฉุนเจ้าหน้าที่ปั่นหัว ทำภรรยาดิ่งหนัก
คลิปสะพัด ไฮโซลูกนัท สุดทน ด่าแหลก ผกก.สน.ลุมพินี - ทนายอดีตรองหัวหน้าพรรค กลายเป็นอีกหนึ่งคลิปที่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์สุดเดือด เนื่องจาก ไฮโซลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย สุดทนด่าทนาย ก่อนชี้หน้าด่า ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมระบุว่า "...จำไว้นะ ...ทำเมีย...ดิ่ง" ก่อนขับรถออกไป ระหว่างที่ตำรวจเก็บหลักฐานในห้องพักของอดีตรองหัวหน้าพรรค ที่คอนโดมิเนียม 35 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ ในคดีอดีตรองหัวหน้าพรรค ที่มี แอนนา หทัยรัตน์ ธนากิจอำนวย อายุ 30 ปี ภรรยาไฮโซลูกนัท เป็นผู้เสียหาย
ก่อนที่ ไฮโซลูกนัท จะโพสต์ชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ในเหตุการณ์ดังกล่าวตำรวจ ได้หลอกลวง แอน รวมไปถึงสื่อมวลชน ให้เข้าไป "ชี้จุดเกิดเหตุ " ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุเดียวที่ ผมและแอน ไปที่สถานที่เกิดเหตุ จากการที่ ตำรวจ สน. ลุมพีนี เรียกให้ไปชี้ พอไปถึงก็ไม่ให้ชี้ แต่ หลอกให้ชี้ข้างล่าง เป็นการพยายามให้สำนวนหลวม
มากไปกว่านั้น ผ่านมาหลายวันมากๆ แล้ว ยังจะพึ่งไป (จุดเกิดเหตุ) เป็นใครๆ คงทำลายหลักฐานทิ้งหมดแล้ว ซ้ำทนายของผู้ต้องหา ก็ยังอยู่บนห้องกับตำรวจ ส่อแววรวมมือกันทำอะไรซักอย่าง - เห็นได้ชัดว่าการที่ ทนายผู้ต้องหา และตำรวจทำ คือการพยายามที่จะทำลายสภาพจิตใจของผู้เสียหาย ให้สติแตกและหมดแรงสู้
การกลับมาที่จุดเกิดเหตุเป็นเรื่องที่จะทำร้ายสภาพจิตใจของผู้เสียหายได้มากๆ เป็นที่รู้ดี ผู้เสียหายรู้ จิตแพทย์รู้ คน และ ประเทศเจริญๆ แล้วรู้ แต่ตำรวจไทย ไร้ความเจริญ ใช้สิ่งนี้มากลั่นแกล้งผู้เสียหายของเรา ในการเรียกให้มาชี้ซ้ำๆ เพราะท้ายสุดแล้ว ก็ต้องย้อนภาพจำในวันนั้น เพื่อมาชี้จุดเกิดเหตุในวันต่อมาอยู่ดี
เรื่องต่อไป ได้มีการอ้างถึง "หมายคุ้มครอง" ของศาล ซึ้งไม่มีอยู่จริง ขอพูดก่อนว่า ในตอนแรกตำรวจบอกว่า จะให้ขึ้นไป ขอให้การพิสูจน์หลักฐานทำงานเส็ดก่อน (สื่อมวลชนเป็นพยาน) และแล้วไม่นานก็กลับคำโกหกแรกด้วยคำโกหกสองว่า ทนายของผู้ต้องหา ขอสิทธิ์คุ้มครอง ไม่ให้ขึ้นไป - พอถามหาขอดูหมาย ได้ทำท่าทีจะให้ดู แต่ก็ไม่ให้ดู - หลังจากนั้น ตำรวจแก้ตัวกับสื่อมวลชนว่า "ศาล" อนุญาตแค่เจ้าหน้าที่
หากแต่ว่า แท้จริงแล้วในขบวนการ ยุติธรรม ศาลได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่เต็มที่ แปลว่าแม้ผู้เสียหายไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อหมายค้น ตำรวจย่อมมีสิทธิ์ใช้ดุลพินิจ พาผู้ต้องหาขึ้นไปถ่ายรูปประกอบหลักฐานให้รัดกุม ปฏิเสธการคัดค้านของทนายผู้ต้องหา (ได้ confirm อำนาจของเจ้าหน้าที่โดยศาลแล้ว)
ดังนั้นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก การที่ ตำรวจ และ ทนาย ของผู้ต้องหา ร่วมมือกัน กลั่นแกล้ง ผู้เสียหาย ผมจึงเห็นสมควรที่จะฟ้องดำเนินคดี ม.157 กับ ผกก.สน. ลุมพีนี และ ทนายของผู้ต้องหาใน กฎหมาย มาตรา ที่เกี่ยวข้อง ขอขอบพระคุณสื่อมวลชนที่เป็นพยานหลักฐานให้ในที่เกิดเหตุด้วยเช่นกันครับ นรกส่งมาเกิดแบบนี้ ไม่ขอมีความสุภาพให้นะครับ ที่ผ่านมามีให้เยอะเกินไปแล้ว"
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวที่มีการถูกต่อว่า ด่าทอ โชว์ของลับด้วยมือ และยังถ่มน้ำลาย ทางตนยังไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ซึ่งตนกำลังมุ่งมั่นการทำคดี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้แล้วเสร็จลุล่วงสิ้นข้อสงสัยของพี่น้องประชาชนเสียก่อน หากแล้วเสร็จเมื่อใดจึงจะนำมาพิจารณาว่าจะดำเนินการแจ้งความหรือจะดำเนินการอย่างไร ส่วนความคืบหน้าคดีความของนายปริญญ์ ทาง พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. จะเป็นผู้แถลงชี้แจงความเคลื่อนไหวต่างๆ ต่อไป
ทว่าหากย้อนกลับไปตอนเกิดเหตุนั้น ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่คอนโดดังกล่าว พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี ได้เชิญนายธนัตถ์และภรรยาเข้าไปพูดคุย แต่นายธนัตถ์ตะโกนด้วยความไม่พอใจว่า "ขี้ข้าเผด็จการ" พร้อมชี้นิ้วไล่ โดยระบุว่า ทำไมต้องให้ภรรยาตนเองต้องเดินทางมาที่นี่ถึง 2 ครั้ง โดยไม่อนุญาตให้ขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ไฮโซลูกนัท ยังได้ระบุอีกว่า ตนเองมีความกังวลกับการทำงานของตำรวจ เพราะได้ไปยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกัน นายปริญญ์ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่กลับไม่เป็นผล เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งให้เสียเวลา