- 30 พ.ค. 2565
รองโฆษกตำรวจ ยืนยัน เจ้าหน้าที่อุทยานเกาะช้าง - เกาะล้าน ไม่ได้ป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ที่มีพาหะคือยุงก้นปล่อง
รองโฆษกตร. ยืนยัน จนท. อุทยานเกาะช้าง - เกาะล้าน ไม่ได้ป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ต้องเฝ้าระวังทั้งโควิด และโรคฝีดาษลิงที่กำลังระบาดหนักในยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า ไทยพบคนป่วยโรคฝีดาษลิงแล้ว แต่เรื่องนี้ ทางด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวแล้ว
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ กรณีที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องพบเจ้าหน้าที่อุทยานเกาะช้าง และเจ้าหน้าที่เกาะล้าน เป็นโรคฝีดาษลิง จำนวน 9 คน พาหะคือยุงก้นปล่องที่ไปกัดลิง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
ทั้งนี้ กรณีที่มีการแชร์ข้อความว่าพบเจ้าหน้าที่อุทยานเกาะช้าง และเจ้าหน้าที่เกาะล้าน เป็นโรคฝีดาษลิง จำนวน 9 คน พาหะคือยุงก้นปล่องที่ไปกัดลิง ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า เป็นข้อมูลเท็จ เป็นภาพข่าวการพบโรคมาลาเรียที่เกาะช้าง ซึ่งโรคดังกล่าวมีส่วนที่ลิงกับยุงเป็นพาหะไม่ใช่โรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด อีกทั้งฝีดาษลิง ยังไม่พบเจอในประเทศไทย
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร 1422 ได้ตลอด 24 ชม.
นอกจากนี้ บทสรุปของเรื่องนี้คือเป็นข้อมูลเท็จ เป็นภาพข่าวการพบโรคมาลาเรีย ที่เกาะช้าง ซึ่งโรคดังกล่าวมีส่วนที่ลิงกับยุงเป็นพาหะไม่ใช่โรคฝีดาษลิงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"