เปิดหมดใจ"ทนายกฤษณะ"ถึงอัจฉริยะ ขอโอกาสทนายที่ถูกด้อยค่าสู้เคียงข้างพี่

   "ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย"อดีตทนายความเเม่เเตงโม เปิดใจเเบบExclusive กับทีม"ข่าวไทยนิวส์" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทนายกฤษณะ ได้มีการโพสต์ความในใจถึงพี่อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  อยากสู้เคียงข้างพี่อัจะ เเม้ผมจะไม่เก่งอย่างคนอื่น แต่ใจผมเกินร้อย ผ่านเฟซบุ๊ค"ทนายกฤษณะ-ทนายแม๊"

" พี่อัจ วันนี้ผมเห็นใจพี่เป็นอย่างมาก นึกถึงวันที่ผมโดนก่อนนี้ #ผมยังยืนอยู่ข้างพี่ตลอดไป ถึงผมจะไม่เก่งเหมือนคนอื่นแต่ใจผมให้พี่เกินร้อย ให้ทนายที่ถูกด้อยค่าได้ช่วยพี่บ้าง#อยากสู้เคียงข้างนะพี่ อย่าลืมว่าผมอยู่ในเหตุการณ์และข้างน้องโม ศาลน่าจะรับฟังได้ "

   สำหรับเรื่องนี้ทนายกฤษณะให้ความเห็นว่า ที่จะช่วยนายอัจฉริยะได้คือตนจะเสนอตัวเป็นพยาน เพราะว่าตนอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ซึ่งในตอนนั้นตนเองก็ได้อยู่ในห้องผ่าศพตอนที่ตนขัดคำสั่งคุณแม่ในตอนนั้น ตนได้เห็นอะไรหลายๆอย่างและได้เข้าไปในสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งตนเองก็ได้มีการมองย้อนกลับมาว่ากระดุมเม็ดแรกที่มันผิดพลาดมา ประเด็นตรงนี้มันยังไม่มีการตอบสังคมที่ชัดเจนและยังเป็นข้อสงสัยอยู่ตลอด ส่วนบาดแผลหรือว่าการกระทำต่างๆบนเรือ ซึ่งตนอยากจะให้มองย้อนกลับมาว่ากระดุมเม็ดแรกเพราะอะไรถึงไม่มีการตอบให้เป็นที่กระจ่างแก่ประชาชน ทำให้กระดุมทุกเม็ดผิดพลาดกันหมด 

   และที่ตนอยากเข้ามาช่วยนายอัจฉริยะในการทำคดีแตงโมนั้น เป็นเพราะตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของคดีตนก็ได้ให้ข้อมูลจากการประสานงานของนายอัจฉริยะที่มาขอข้อมูลไปบ้างบางส่วน จนกระทั่งมีข่าวที่อาจทำให้นายอัจฉริยะไม่ไว้ใจตน และคนที่จะมาเป็นพยานในเรื่องนี้ก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรก อีกทั้งตนก็อยู่ในห้องผ่าศพตนได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งตนก็มองว่าเรื่องนี้ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น หรือที่เรียกว่าผิดมาตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกแล้ว นั่นคือ การไม่เรียกคนบนเรือมาตรวจสอบ รวมถึงการตรวจเรือและอู่เรือ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ยังไม่ได้มีการตอบสังคมที่ชัดเจนและยังเป็นข้อสงสัยอยู่ ดังนั้นตนจึงอยากให้ย้อนมาดูเรื่องนี้กันตั้งแต่แรกด้วยว่าเกิดจากอะไรและเพราะอะไร

    ส่วนนายอัจฉริยะจะเลือกตนหรือไม่นั้นก็คงแล้วแต่นายอัจฉริยะ แต่ก็อยากจะฝากบอกไปว่า ถึงตนจะเป็นทนายใหม่และอาจทำผิดหรือถูกไปบ้างตนก็ไม่เคยโกรธนายอัจฉริยะเลยและถือเป็นคำสั่งสอน ที่ผ่านมาอาจจะเข้าใจผิดกันไปบ้างแต่ "ความจริงก็คือความจริง" ที่ตนทำและเป็นวลีเด็ดของตนอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากนายอัจฉริยะคิดว่าตนยังมีประโยชน์อยู่และยังเชื่อใจตนอยู่ ตนก็ยินดีที่จะเข้ามาให้ข้อมูล

   สำหรับกรณีความเห็นเกี่ยวกับนายอัจฉริยะ  ที่พยายามต่อสู้ในคดีแตงโม ว่า นายอัจฉริยะคงมีความมั่นใจในระดับหนึ่งจากการที่มีหลักฐานชิ้นสำคัญ

    ซึ่งจากการที่ตนตรวจสอบเช็คข่าวย้อนหลังก็ไม่พบว่า นายอัจฉริยะเคยพูดว่ามีคนกรีดขา เพียงแต่บอกว่าอยู่บนเรือและน่าจะมีเหตุการณ์กรีดขาหรือยกขาและได้พบรอยเลือด แต่ในทางปฎิบัติในการนำสืบที่พบว่ามีหลักฐานที่เพียงพอจะไปกันได้โดยที่อาจจะยังไม่เห็นว่าเป็นบุคคลใดก็สามารถสืบต่อกันได้ แต่การสืบต้องต่อเนื่องและมีเหตุมีผลมีการรับรองผลวิเคราะห์ต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งนายอัจฉริยะก็น่าจะเตรียมไว้อยู่แล้ว 

ทนายกฤษณะ กล่าวด้วยว่า ส่วนยังมั่นใจในตัวนายอัจฉริยะ แต่เรื่องพยานหลักฐานตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้ดูและไม่ได้เห็นด้วย เนื่องจากเป็นความลับของทางนายอัจฉริยะ แต่เชื่อว่านายอัจฉริยะน่าจะมีหลักฐานเด็ดและสามารถนำสืบต่อเนื่องได้ และสามารถชี้ให้ศาลเห็นว่าอาจจะมีการกระทำอะไรเกิดขึ้นบนเรือ

   ทั้งนี้ นายอัจฉริยะได้พูดถึงกรณีคราบเลือดบนเรือที่กำลังเป็นประเด็นที่นายอัจฉริยะขอให้มีการตรวจสอบใหม่ด้วยว่า ตนคุยเรื่องนี้กับคุณแม่มาตั้งแต่แรกแล้วและตอนนั้นคุณแม่ก็ยังสงสัยในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนนั้นตนก็ได้มีการตรวจสอบแล้ว แต่ไม่ได้มีการติดตามต่อ แต่สิ่งที่สำคัญคราบเลือดจะสอดคล้องกับเรื่องบาดแผล รวมถึงเรื่องผ้าขาวที่DSI กำลังตรวจสอบอยู่ด้วย ก็ต้องรอผลในส่วนนี้อยู่ เพราะถ้าผลสอดคล้องกันการเชื่อมโยงเรื่องต่างๆต้องมีแน่นอน ซึ่งพนักงานอัยการต้องสั่งให้มีการสอบให้กระจ่างให้ได้

   สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรายการหนึ่ง ตนไม่ขอก้าวล่วงรายการ  ทนายท่านอื่น หรือ 5 คนบนเรือ ก็ถือว่าให้ประชาชนคนดูเป็นผู้ตัดสินใจดีกว่า แต่ถ้าถามตน ตนก็สงสารนายอัจฉริยะและเข้าใจความรู้สึกของนายอัจฉริยะ ซึ่งตนยินดีที่จะช่วยนายอัจฉริยะทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยไม่ได้ต้องการจะมาเกาะกระแสใดๆทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ทนายกฤษณะ เชื่อว่าเเม่เเตงโมน่าจะมีการถอนฟ้อง ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงเหมือนกันว่าถ้าถอนแล้วจะมีผลเสียหลายอย่างเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวตนยังไม่อยากให้คุณแม่ถอน และถ้าเป็นตนจะขอรอดูอัยการก่อนในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ว่าจะมีการเปลี่ยนข้อหาหรือไม่