- 02 ส.ค. 2565
อธิบดีกรมทางหลวง ดูแลค่าเสียหายเต็มที่ ผู้เสียชีวิตเหตุคานปูนสะพานกลับรถพระราม2 หล่นทับ เปิดเงินเยียวยาตามระเบียบ 70% ของเงินเดือน
เมื่อวันที่ 1ส.ค.65 บรรยากาศพิธีสวดอภิธรรมศพผู้เสียชีวิตเหตุคานปูนสะพานกลับรถพระราม2 หล่นทับ เป็นคืนเเรกที่ศาลา 3 วัดไทร แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง โดย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เดินทางไปร่วมเเสดงความเสียใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เเละเจรจากับทางครอบครัวของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม ผู้เสียชีวิต เรื่องเงินเยียวยาเเละค่าเสียหาย เปิดเงินเยียวผู้เสียชีวิต คานปูนสะพานกลับรถพระราม2 ร่วงทับ
โดย นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิตซึ่งกรมทางหลวงจะดูแลค่าเสียหายอย่างเต็มที่ และจะออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพทั้งหมด รวมถึงเงินเยียวยา โดยให้ทางญาติของผู้เสียชีวิต กลับไปคิดและมาพูดคุยกันอีกครั้งว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร ส่วนผู้บาดเจ็บอีกราย จะติดต่อขอชดเชย ค่ารักษาพยาบาลและในเรื่องของทรัพย์สินที่เสียหาย ซึ่งกรมทางหลวงจะออกให้ทั้งหมด
ส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิต ที่เป็นพนักงานราชการของกรมทางหลวง ซึ่งมีระเบียบในการเยียวยา เปิดเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตเบื้องต้นจะได้รับเงินเยียวยา 70% ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 10 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 1,300,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นที่เป็นพนักงานเช่นเดียวกัน จะมีการชดเชยเป็นรายวัน ซึ่งกรมทางหลวงมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางกรมทางหลวงส่วนกลาง พร้อมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นมาอีก และสั่งไม่ให้มีการจราจรผ่านจุดเกิดเหตุ พร้อมกับตั้งคณักรรมการสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลภายใน 14 วัน โดยการตรวจสอบมีหลายประเด็นเช่นการตรวจสอบว่าการดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ หรือเกิดจากความประมาทในขั้นตอนใด
เบื้องต้นจากการลงพื้นที่พร้อมกับการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ทำงานสันนิษฐานการเกิดเหตุได้ 2 ข้อ คือ การทุบพื้นสะพานออกเพื่อที่จะทำขึ้นมาใหม่ ทำให้น้ำหนักพื้นสะพานเดิมที่มีอยู่หายไป และทำให้น้ำหนักกดลงที่คานเดิมได้น้อยลง จนเกิดการเคลื่อนตัวที่คานทั้ง 2 ด้าน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมามีฝนตกจำนวนมาก ทำให้มีน้ำไปขังจนเกิดคานเดินเคลื่อนตัว ส่วนสาเหตุที่ 2 สันนิษฐานว่าสะพานกลับรถดังกล่าวถูกสร้างมานานแล้ว ประมาน 29 ปี ทำให้สถาพโดยทั่วไปอาจจะไม่สมบูรณ์
ส่วนตอนเกิดเหตุที่มีภาพคนงานกำลังทำงานอยู่ด้านบน แต่ไม่มีการกั้นรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุอย่างใด ทำให้หลายคนมองว่าเป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่ อธิบดีกรมทางหลวง ระบุว่า สะพานดังกล่าวเป็นการซ่อม ซึ่งตอนเกิดเหตุเป็นขั้นตอนของการสกัดพื้นเดิมออก มีการใช้แพทไม้อัดรองเพื่อไม่ให้เศษปูนตกลงไปที่ถนนด้านล่าง ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จำเป็นต้องปิดการจราจรด้านล่าง ซึ่งจากภาพที่ปรากฏเป็นภาพของคนงานที่กำลังเตรียมเก็บวัสดุเพื่อเริ่มขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ได้สั่งให้มีการปิดถนน ผู้ใช้รถใช้ถนนอาจจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ประกอบกับยังไม่มั่นใจว่าโครงสร้างของสะพานกลับรถมีความแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน โดยจะปิดจนกว่าจะตรวจสอบจนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว
ขณะที่จุดกลับรถต่างๆความดูแลของกรมทางหลวง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้จึงเกิดความเป็นห่วง จากสะพานเกือกม้าต่างๆมักจะสร้างอยู่ในเวลาที่ใกล้กัน มีอายุการใช้งานที่มากและมีการใช้งานที่หนัก จึงได้สั่งให้มีการตรวจสอบสะพานกลับรถเกือกม้าต่างหาก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบเป็นปกติแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสะพานกลับรถเกือกม้าจะอยู่ในความดูแลของแขวงทางกระดูกในพื้นที่นั้นๆ จะมีการตรวจสอบด้วยตาทุกวัน และจะมีการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทุกปี ซึ่งสะพานกลับรถตจุดเกิดเหตุ ก็เป็นการตรวจพบความชำรุด แล้วเข้าขั้นตอนของการซ่อมแซม
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม thainewsonline