- 26 ส.ค. 2565
"แพรรี่ ไพรวัลย์"เล่าประสบการณ์ หลังคุณแม่บอกให้เอารถไปเจิม สุดท้ายเกิดเรื่องสุดพีค การเจิมที่ไม่ได้เจิม
"แพรรี่ ไพรวัลย์" ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ออกมาโพสต์ข้อความดังนี้
การเจิมที่ไม่ได้เจิม
มีเรื่องเล่าน่ารักๆ อยากจะมาเล่าให้ฟังก็คือว่า เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่ไม่พราหมณ์และไม่ไสยเด็ดขาด คือไม่นิยมเรื่องการบูชาวัตถุมงคลและการเสกเจิม อันนี้เป็นกฎเหล็กในการดำเนินชีวิตของดิฉัน ตั้งแต่สมัยที่ดิฉันยังบวชอยู่และถึงตอนนี้ที่สึกแล้วดิฉันก็ยังคงยึดมั่นในหลักการเรื่องพวกนี้
ตั้งแต่สึกมา ดิฉันออกรถมาแล้วสองคัน และทั้งสองคันที่ว่านี้ ดิฉันก็สัญญากับตัวเองว่า ดิฉันจะไม่เจิม และไม่ห้อยวัตถุมงคลหรือเครื่องลางของขลังอะไรไว้ในรถของดิฉันเด็ดขาด
เอาเป็นว่า คนขายพวงมาลัยตาม 4 แยกไฟแดง ไม่ได้กินเงินดิฉันก็แล้วกัน 5555
วันนี้พอดิฉันรับส่งมอบรถคันใหม่เสร็จแล้ว ดิฉันก็พาพ่อแม่และญาติพี่น้องไปทานอาหารริมทะเล หลังทานข้าวเสร็จ ด้วยความที่แม่ดิฉันนางเป็นคนที่มีวิธีคิดแบบคนโบราณ นางเชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น นางก็คะยั้นคะยอขอร้องให้ดิฉันเอารถไปให้หลวงพ่อที่วัดเจิมให้ นางบอกว่า คุณลูกเดินทางไกล ไปเจิมสักหน่อยเถอะ แม่ขอ จะได้แคล้วคลาดปลอดภัย
อ่ะ ! ด้วยความที่ดิฉันเป็นลูกกตัญญู ใจหนึ่งก็ยึดมั่นในหลักการดำเนินชีวิตของตัวเอง ใจหนึ่งก็แคร์ความรู้สึกแม่ กลัวว่า ถ้าปฎิเสธดื้อๆ เลย ไม่เอารถไปให้หลวงพ่อเจิม นางก็จะไม่สบายใจ ทำไงได้ ดิฉันก็เลยต้องขับรถเข้าไปหาหลวงพ่อที่วัด
จะด้วยความที่หลวงพ่อรู้จักกิติศัพท์ของดิฉันดีตั้งแต่สมัยที่ยังบวชอยู่หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ หลวงพ่อแม้รู้ว่าดิฉันจะเอารถไปให้เจิม แต่ท่านก็ไม่ยอมเตรียมของสำหรับเจิมอะไรสักอย่าง ไม่มีแป้งเจิมไม่มีแผ่นทอง
ดิฉันแอบสงสัยว่า หลวงพ่อน่าจะมีญาณทิพย์ล่วงรู้วาระจิตใจดิฉันเป็นแน่แท้ทีเดียวเชียว 555
ดิฉันไม่รู้จะทำยังไง แม่ดิฉันก็เหมือนอยากจะให้หลวงพ่อเจิมรถให้ได้เสียเหลือเกิน บุญบาป ของเจิมไม่มีค๊าา 555
ตอนนั้นในใจดิฉันก็แอบขำอยู่คนเดียว แอบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ไม่เจิมไม่เสกอะไรในรถของดิฉัน เพราะถ้าหลวงพ่อทำแบบนั้น ดิฉันก็คงรู้สึกผิดกับตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ถึงจะไม่ได้เจิมอะไร ขับรถไปถึงวัดขนาดนั้นแล้ว ดิฉันก็เลยกราบนิมนต์หลวงพ่อ บอกหลวงพ่อว่า ขอความเมตตาพระอาจารย์นั่งรถให้เป็นสิริมงคลสำหรับผมหน่อยนะครับ ขอความเมตตาให้ศีลให้พรพร้อมโอวาทด้วย ซึ่งท่านก็เมตตาดิฉันตามนั้น
ท่านไม่นั่งฝั่งคนขับด้วยนะ เหมือนท่านรู้ ท่านบอกว่าฝั่งนั้นมหาต้องไปนั่ง จริงๆ ท่านคงอยากจะบอกดิฉันแหล่ะว่า อาตมาขับรถไม่เป็นนะโยมม 555
ดิฉันโล่งใจมาก ที่การขับรถมาเจิมที่วัดครั้งนี้ทำให้ทุกคนสบายใจ หลวงพ่อก็สบายใจที่ไม่ได้เจิมรถให้ดิฉัน ดิฉันก็สบายใจที่หลวงพ่อไม่ได้เจิมรถให้
ส่วนอีกคนหนึ่งที่น่าจะสบายใจมากกว่าคนอื่น นั่นคงเป็นแม่ของดิฉัน เพราะนางคงคิดว่า หลวงพ่อเจิมรถให้ลูกของนางแล้ว ทั้งที่ท่านไม่ได้เจิมอะไร 5555
#กราบขอบพระคุณหลวงพ่อพระอาจารย์ที่เมตตาค่ะ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline