- 18 ต.ค. 2565
"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุ "บั้งไฟพญานาค ประเพณีที่พึ่งสร้างขึ้น ไม่ถึง 40 ปี"
"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องราวของ บั้งไฟพญานาค ระบุ
"บั้งไฟพญานาค ประเพณีที่พึ่งสร้างขึ้น ไม่ถึง 40 ปี"
วันก่อน เอาเรื่องที่มีแฟนเพจท่านหนึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวกับการไปดู #บั้งไฟพญานาค แล้วเกิดอาการบางอ้อว่า มันไม่ได้มีลูกไฟขึ้นจากน้ำจริง แต่เป็นการยิงจากฝั่งลาว พร้อมกับการสร้างตำนานเพื่อดึงดูดให้คนมาเที่ยวในช่วงนั้น ส่งเสริมการท่องเที่ยว (ดูรายละเอียดใน https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/1502356460247402)
ก็ได้มีคอมเม้นต์บ่นว่า ไม่เห็นมีข้อมูลเชิงวิชาการ เป็นแค่คำพูดของแม่ค้าเเละผู้สังเกตการณ์ (ซึ่งจริงๆ ผมก็พูดและโพสต์เรื่องเชิงวิชาการ เกี่ยวกับบั้งไฟพญานาคมาเป็น 10 ปีแล้ว จนหลายคนเบื่อ ผมก็เลยหาอะไรแปลกๆ มาให้อ่านกันบ้าง แก้เบื่อ ... ถ้าอยากดูแบบสรุป ก็ดูในคลิป SciFind ที่ผมทำสรุปไว้อันนี้นะครับ https://youtu.be/t8a1RVDh0CM)
แถมบ่นต่อว่า "ความเชื่อเรื่องพญานาค ก็เป็นความเชื่อในพระพุทธศาสนา ซึ่งคำสอนส่วนใหญ่ที่พระพุทธเจ้าสอน ในหลายๆสิ่งฟังดูเหลือเชื่อ แต่ทว่าเราไม่มีเครื่องมือ เพื่อไปตรวจวัดรับสัญญาณ... "
อาฮ้า ! ประเด็นนี้น่าสนใจ ที่หลายคนเอาเรื่อง "พญานาค" มาอ้างในเถียงเรื่องลูกไฟ "บั้งไฟพญานาค" นี้ .. เพราะแสดงว่า เค้าไม่รู้ว่าคำนี้มันถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2529 หรือแค่ 36 ปีที่ผ่านมานี้เอง
โดยถ้าใครได้ดูรายการ "ถอดรหัส" ตอน "15ค่ำ เดือน11 บั้งไฟพญานาค" ของสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี เผยแพร่ไว้ในปี พ.ศ 2545 (ดูลิงค์ด้านล่าง) ซึ่งเริ่มรายการด้วยการไปดูสถานการณ์การประท้วงของชาวบ้านในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย หลังจากที่มีการฉายภาพยนต์ "15 ค่ำเดือน 11" ไป และชาวบ้านไม่พอใจในประเด็นเรื่องที่มีตัวละครในเรื่องเป็นคนทำบั้งไฟนี้ขึ้นมา
ในระหว่างการชุมนุมประท้วงนั้น ทางรายการได้รับเอกสารเผยแพร่จากชาวบ้าน ที่มีการระบุข้อความว่า "ปี 2529 นายพิทักษ์ ศรีตะบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นชาวอำเภอโพนพิสัยขณะนั้น ได้มีดำริที่จะฟื้นฟูประเพณีไหลเรือไฟ โดยร่วมกับศูนย์วัฒนธรรมอำเภอโพนพิสัย โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จัดงานประเพณีไหลเรือไฟ ชม #บั้งไฟผี ในคืนวันออกพรรษา แต่ได้รับการคัดค้านจากที่ประชุมว่าชื่อไม่เหมาะสม น่ากลัว จึงมีมติให้เปลี่ยนชื่อเป็น #บั้งไฟพญานาค ดังนั้นประเพณีออกพรรษาของอำเภอโพนพิสัย จึงเรียกว่า งานประเพณีไหลเรือไฟ ชมบั้งไฟพญานาค"
สรุปสั้นๆ คือ เมื่อก่อนนั้น ชาวบ้านสมัยก่อน เคยเห็นว่าเหมือนมีลูกไฟขึ้นจากน้ำโขง (หรือหนองบึงต่างๆ ) ในแถวอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องความเชื่อพญานาค หรือแม้แต่ด้านศาสนาพุทธ แต่เป็นแค่ผีสางตามพื้นถิ่นเท่านั้น พึ่งจะมาถูกนักการเมืองท้องถิ่นเปลี่ยนชื่อ โยงไปโหนพญานาค เพื่อให้เกิดความน่าสนใจที่จะมาเที่ยวชมกัน .
.. แล้วหลังจากนั้น ประเทศไทยเราก็มีการจัดโครงการ Amazing Thailand ส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้น "ประเพณีชมบั้งไฟผี" เลยเป็นหนึ่งในเทศกาลประเพณีที่ถูกส่งเสริมท่องเที่ยวกันขนานใหญ่ โด่งดังไปทั้งประเทศ
เรื่องที่ "บั้งไฟผี เปลี่ยนชื่อเป็น บั้งไฟพญานาค" นี้ ทางไอทีวีไม่ได้ตู่ขึ้นมาเอง เพราะก็ยังมีหลายคนออกมายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ดังเช่น เมื่อ 26 ต.ค.64 นพ.สรร สุนทรธนากุล นายกเทศมนตรีตำบลโพนพิสัย จ.หนองคาย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "2. ชื่อบั้งไฟพญานาค ชื่อนี้ถูกตั้งชื่อนี้ในปี พศ. 2529 จากผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่ อ. โพนพิสัย ประชุมกัน โดยการนำของท่าน สว. พิทักษ์ ศรีตะบุตร" (ดูข่าว https://news.ch7.com/detail/524881)
ผมว่า มาถึงวันนี้แล้ว เราน่าจะรับความจริงกันได้เกี่ยวกับที่มาของ "บั้งไฟผี" เนี่ย ว่าตั้งแต่อดีตนานมาแล้ว พอถึงคืนออกพรรษา มีหลายหมู่บ้านในประเทศลาว ที่นอกจากจะจัดประเพณีใหลเรือไฟแล้ว ก็ยังมีการเฉลิมฉลองวันออกพรรษา ด้วยการยิงปืน ที่บรรจุ "กระสุนส่องวิถี tracer round" ขึ้นฟ้า นัยว่าเป็นการบูชาแบบหนึ่ง
(ซึ่งกระสุน tracer ส่องวิถี พวกนี้ มันก็กระสุนปืนทั่วไป ที่เจาะรูไว้ท้ายหัวกระสุน ใส่สารเคมีที่เผาไหม้เป็นแสงสว่างได้ และมีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว ดูตัวอย่าง https://youtu.be/UcfYaGFW43Q) ... ตามรายงานในสารคดีของ ITV ชาวบ้านฝั่งลาวบอกว่า สมัยก่อนก็เอาปืนคาร์บินยิง เดี๋ยวนี้ก็เอาปืนอาร์ก้ามายิง
... ซึ่งผมคิดว่า ถ้าชาวบ้านยิงกันเองก็คงไม่กี่นัด เท่าที่หาได้ แต่ถ้ามีการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย อาจจะมีการสนับสนุนงบค่ากระสุนให้ยิงได้เยอะขึ้น)
ทีนี้ ชาวบ้านฝั่งไทยที่มองเห็นลูกไฟประหลาดขึ้นฟ้า จากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ในความมืดมิด ก็เข้าใจผิดกันไปเองว่ามันขึ้นจากแม่น้ำจริงๆ ด้วยความมืด ภูมิประเทศ และความเชื่อศรัทธา หลอกตาเอา (ถึงจะบอกว่าเห็นขึ้นจากหนองบึง ความจริงก็มาจากทิศทางของแม่น้ำโขงด้านฝั่งลาวนั่นแหละ)
ซึ่งพอตั้งกล้องถ่ายภาพพิสูจน์ดู ก็จะเห็นความจริงว่าลูกไฟมันไม่ได้ขึ้นจากน้ำ แต่ขึ้นจากบนบก ฝั่งตรงข้าม (จริงๆ มีเคสที่เคยถ่ายภาพว่ามันโดนยิงขึ้นจากเรือไฟ ที่แล่นร่วมในงานด้วย ซึ่งน่าจะทำให้ยิงดูเข้าใจผิดง่ายขึ้นอีก https://topicstock.pantip.com/.../X12862339/X12862339.html ความคิดเห็นที่ 31) ... ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีลูกไฟที่ขึ้นจากน้ำจริง คนไทยแห่กันไปดูปีละเป็นหมื่นเป็นแสนคน นับสิบๆ ปีแล้ว ทำไมไม่มีภาพ ไม่มีคลิปมาอวดกันบ้าง
สำหรับประเด็นเชิงวิทยาศาสตร์นั้น แนวคิดเรื่อง "บั้งไฟผีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ" อย่างที่ชอบอ้างกัน ก็ล้วนมีข้อน่าสงสัย ข้อพิรุธมากมาย เช่น
- ถ้าเป็นเรื่องธรรมชาติจริง ทำไมเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะตรงกับวันออกพรรษาของลาว
- ถ้าเป็นก๊าซธรรมชาติสะสมอยู่ใต้แม่น้ำ แต่น้ำที่ไหลเชี่ยวอย่างนั้น จะมีก๊าซสะสมตัวได้อย่างไร
- ถ้าเป็นก๊าซมีเทนที่สะสมอยู่ใต้น้ำจริง มันจะติดไฟเองเมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างไร แล้วถึงติดไฟได้ ก็ต้องวาบสว่างแล้วดับไปเลย ไม่ใช่จะขึ้นฟ้าเป็นลูกไฟพุ่งสูงๆได้
- ก๊าซมีเทน ที่สะสมตามหนองบึง มีคนเคยเก็บเอามาจุดไฟ จะได้เป็นไฟสีฟ้า ไม่ใช่ลูกไฟสีแดงอย่างที่เห็นๆ กัน
- การถ่ายภาพแบบเปิดหน้ากล้องถ่ายภาพนานๆ ช่วยให้เราเห็นได้ชัดว่าลูกไฟนั้นขึ้นจากไหน แต่ภาพที่ถ่ายกันมาหลายปี (รวมทั้งถ่ายวิดีโอ และรวมไปถึงใช้โดรนบินขึ้นไปถ่าย https://youtu.be/gPI3j8aYdsI) ก็ปรากฏว่าลูกไฟพวกนี้ขึ้นมาจากฝั่งลาว ไม่มีเส้นใดเลยที่ขึ้นจากน้ำ
- แถมพอข้ามไปตั้งกล้องที่ฝั่งลาว (https://youtu.be/euwsOT411xM) ก็ได้ยินเสียงปืนยิงขึ้นฟ้าจากฝั่งลาวชัดเจน ตามมาด้วยเสียงเฮจากฝั่งไทย ตรงกับคำอธิบายที่ว่า เมื่อมีการยิงขึ้นฟ้า ฝั่งคนไทยจะเห็นแสงสว่างของกระสุนส่องวิถีและส่งเสียงโห่ร้องกัน ขณะที่เสียงปืนจะตามไปในช่วงหลังจากนั้นประมาณ 3 วินาที (เนื่องแม่น้ำโขงนั้นกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร) ทำให้เสียงเชียร์ของฝั่งไทยสามารถกลบเสียงของกระสุนได้
อันนี้น่าจะเป็นโพสต์สุดท้ายเรื่อง บั้งไฟผี ในปีนี้ ไว้ปีหน้าค่อยมาคุยกันใหม่ ระหว่างนี้ใครที่อ้างว่าเห็นลูกไฟขึ้นจากน้ำกับตาของตัวเอง (ไม่ว่าจะริมแม่น้ำ หรือห้วยหนองคลองบึง) ก็เตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพไว้เลยครับ ปีหน้าจะได้ไปล่า "บั้งไฟผี" กัน
ภาพประกอบจาก https://youtu.be/eqKONzUF3xA
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainewsonline