- 10 ม.ค. 2566
ชูวิทย์ เปิดแผนผังขบวนการผับจินหลิง "ตู้ห่าว"เป็นหัวหน้าขบวนการสูงสุด อู้ฟู่ทั้งเรื่องเงินและยาเสพติด ซัดเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่องเกี่ยวกับเรื่องทุนจีนสีเทา ล่าสุดวันที่ 10 ม.ค.66 ได้เปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่ไปรอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องขอให้ชี้แจง กรณีที่อ้างว่าหลานชายมีชื่ออยู่ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถเช่าของ ตู้ห่าว นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ และการเข้าให้ปากคำกับสำนักงานจเรตำรวจ เกี่ยวกับการยื่นสอบชุดสอบสวนนครบาลที่ดูแลคดีสถานบันเทิงจินหลิง
นายชูวิทย์ ได้เปิดภาพวงจรปิดผับจินหลิง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 โดยปรากฎภาพพนักงานหลายสิบคน และบุคคลอื่นที่เดินเข้าออกอีกจำนวนมาก พร้อมกล่าวว่า ในปัจจุบันมีพยานอยู่ในสำนวนคดีเพียงแค่ 2 คน และไม่มีพยานที่เป็นหญิงขายบริการ หรือบุคคลอื่นอีก
ส่วนคลิปที่ 2 เป็นคลิปกล้องวงจรปิดบริเวณประตูทางเข้าออกผับจินหลิง มีพนักงานคอยตรวคค้นร่างกายซึ่งจากภาพ จะละเว้นการค้นตัวของหลานชายตู้ห่าว แต่จะตรวจอย่างละเอียดกับนักท่องเที่ยว ซึ่งหนึ่งในนั้นพบซองสีขาวที่ตัว ในคลิปพนักงานที่ตรวจได้เรียกผู้ดูแลผับมาพูดคุย ก่อนจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในผับได้โดยไม่ดำเนินการอะไร แม้จะเห็นว่าถือซองสีขาวที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยว่าซองดังกล่าวเป็นซองที่บรรจุยาเสพติดอยู่
นายชูวิทย์ ยังได้เปิดแผนผังขบวนการผับจินหลิง ที่มีตู้ห่าวเป็นหัวหน้าขบวนการสูงสุด มีผู้ร่วมขบวนการรายสำคัญแยกย่อยออกมารวม 10 คน มีการแบ่งหน้าที่กันดูแลทั้งเรื่องเงิน และเรื่องยาเสพติด
อีกทั้งยังตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ ประเด็นการโยกย้ายตำรวจ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีผับจินหลิงโดยตรง ของพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ควรมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ไปจนถึง 5 เสือโรงพัก สน.ยานนาวา ไม่ใช่ย้ายแค่ระดับปฏิบัติการ อีกทั้งการส่งเจ้าหน้าที่มารักษาการแทน และเกิดการทุจริตอีก
ด้านการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังจากที่ได้เปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่่ 9ม.ค.66 เพื่อพูดคุยเรื่องหลานชายที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับธุรกิจของนายตู้ห่าว และการทำคดีทุนจีน ซึ่งคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ได้ประมาณ 15 นาที เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา ก็รู้สึกว่าพอใจในระดับหนึ่ง
ถ้านายกรัฐมนตรียังจัดการเรื่องนี้ให้ตนไม่ได้ ตนก็จะถามง่ายๆ ว่าใครที่ตนควรจะไปขอให้ช่วยอีก ซึ่งไม่มีแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีคือผู้นำสูงสุดขององค์กรในประเทศไทย
ส่วนเรื่องของหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์นั้น นายชูวิทย์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับตนว่าขอเวลาในการตรวจสอบ เพราะไม่รู้เรื่องนี้ ซึ่ง ผบ.ตร.ก็รับลูกโดยการไปตรวจสอบรถทัวร์ให้แล้ว ตนก็คงทำได้แค่นั้น พร้อมยืนยันว่า ตนได้ทำในฐานะประชาชนแล้ว หากนายกจะเชื่อสิ่งที่ตนพูดหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม thainews