"เสี่ยเบนท์ลีย์"โดนแล้ว ไม่ยอมเป่า เจอข้อหาเมาแล้วขับ พ่วงอีก2ข้อหา

โดนแล้ว เสี่ยเบนท์ลีย์ ไม่ยอมเป่า โดนข้อหาเมาแล้วขับ หลังฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ส่งตัวฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้

   คืบหน้าล่าสุดเสี่ยเบนท์ลีย์ซิ่งชนสนั่น บนทางด่วนเฉลิมมหานคร โดยวันที่ 11 ม.ค.66  พล.ต.ต.จิรสันต์  แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ได้ชี้แจงกรณี เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 เวลา ประมาณ 00.38 น. รถยนต์ Bentley เฉี่ยวชนรถยนต์ของผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร กม.21+200B ขาออก แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 

โดยผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้ความสำคัญ และกำชับให้ผู้บังคับการตำรวจจราจรลงไปควบคุมดูแลเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าวด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และเป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนและสังคม และแจ้งความคืบหน้าของการดำเนินการเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีสี่ยเบนท์ลีย์ใน 2 ประเด็นหลัก ดังนี้

\"เสี่ยเบนท์ลีย์\"โดนแล้ว ไม่ยอมเป่า เจอข้อหาเมาแล้วขับ พ่วงอีก2ข้อหา

  •  การดำเนินคดี

  เมื่อวันที่ 11 ม.ค.66 จากการที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมข้อเท็จจริง และหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ขับรถ Bentley ในข้อหา “ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถในขณะเมาสุรา (ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานว่า เมาแล้วขับ)”

  และนำตัวเสี่ยเบนท์ลีย์ผู้ต้องหาไปทำการฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้พิจารณารับฝากขังตามคำร้อง

\"เสี่ยเบนท์ลีย์\"โดนแล้ว ไม่ยอมเป่า เจอข้อหาเมาแล้วขับ พ่วงอีก2ข้อหา

\"เสี่ยเบนท์ลีย์\"โดนแล้ว ไม่ยอมเป่า เจอข้อหาเมาแล้วขับ พ่วงอีก2ข้อหา

  • การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

เนื่องจากคดีดังกล่าว ยังมีพี่น้องประชาชนในสังคมมีความสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินการ และการใช้วิจารณญาณของพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ผู้บังคับการตำรวจจราจรจึงได้ออกคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 10 ม.ค.66

\"เสี่ยเบนท์ลีย์\"โดนแล้ว ไม่ยอมเป่า เจอข้อหาเมาแล้วขับ พ่วงอีก2ข้อหา

   โดยมอบหมายให้รองผู้บังคับการตำรวจจราจรเป็นประธานคณะกรรมการ และให้รายงานผลการตรวจสอบให้ทราบภายใน 15 วัน ซึ่งจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainews